หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ  
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย
บางกะดีระทึก พบกลุ่มควันพวยพุ่ง
บางกะดีระทึก! พบกลุ่มควันพวยพุ่ง เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์รายงานสดผ่าน Skype เข้ามาว่าพบกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาบริเวณโรงงานโตชิบา แต่เจ้าหน้าที่กันไม่ให้นักข่าวเข้าไปในพื้นที่บริเวณนั้น หลังจากนั้นไม่นานได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากลุ่มควันที่พวยพุ่งนั้นไม่ได้มาจากโรงงานโตชิบา แต่เป็นพื้นที่โรงงานเก็บขยะที่อยู่ด้านหลังของโรงงานโตชิบา  ซึ่งขณะนี้มีรถดับเพลิงวิ่งเข้าไปในพื้นที่แล้ว 5- 6 คัน  จากภาพสดผ่าน Skype ของผู้สื่อข่าวเห็นว่าหลังจากที่รถดับเพลิงเข้าไปไม่นาน กลุ่มควันนั้นก็เจือจางลง คาดว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ความคืบหน้าล่าสุดได้รับแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงงานแล้วว่า พื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นบริเวณโรงงานเก็บชิ้นส่วนของโตชิบาคอนซูเมอร์ ภายในสวนอุตสาหกรรมบางกะดีนั่นเอง       ขอขอบคุณ : http://www.springnewstv.tv/news/timely/9918.html
อยากไปออสเตรเลีย วีซ่าแบบไหนดี ที่เหมาะกับเรา
Visitor Visas This Visa is for people to visit Australia for a holiday, sightseeing, social or recreational reasons, to visit relatives, friends or for other short-term non-work purposes up to 12 months. There are a number of visas available for people to visit Australia as a tourist. Some conditions to consider include the following: - You must have a return airline ticket - You can study up to 3 months maximum - This visa can be renewed in Australia for another visitor stay as long as the total duration on the country is not over 12 months and there is no mention of NO FURTHER STAY on your visa (applicants will be required to show financial evidence of minimum AU$ 1000/month of stay) - Depending on your country, you may be eligible to renew onto a student visa or occupational trainee visa - You are not allowed to work at all!! More information can be gained by visiting the Australian Department of Immigration and Citizenship website or contact us and we can guide you through the process.     Student Visas This is the unique visa that allows you to study over 3 months in Australia and work part-time to a maximum of 20 hours per week). This visa is recommended for those who want to study in Australia for over 3 months. Some conditions to consider include the following: - You cannot apply for a student visa unless you have been enrolled in an accredited Australian institution, have paid all fees and received an e-COE (electronic Confirmation of Enrolment) - You must be enrolled in a FULL TIME course superior or equal to 3 months (12 weeks): it can be an English course, vocational training, university degrees, secondary studies… with the conditions they are all CRICOS accredited; - You can work up to 20 hours per week during your studies and full time during your school holidays (Note: you cannot work unless you have started your course). - You must have paid the compulsory OSHC (Overseas Students Health Cover) with the selected Australian institution - This visa can be renewed several times as long as you are enrolled in a full time course each time and when your student visa expires, it may be renewed into a different visas such as visitor visa, Sponsorship visa or permanent residency. - You may have to undertake medical exams and X-rays     Working Holiday Visas Working Holiday Visas, as part of The Australian governments Working Holiday and Work and Holiday programs encourage cultural exchange and closer ties between arrangement countries by allowing people to have an extended holiday supplemented by short-term employment. This visa is recommended for those who want to travel in Australia for one year and work at the same time in order to cover their costs. Australia has reciprocal working holiday visa arrangements with many countries. All countries have the same basic requirements. However, it is important to note there are a few extra requirements if you wish to have an extended working holiday in the USA, Turkey, Thailand, Chile or Malaysia. Some conditions to consider include the following: - This visa is valid for one year from arrival in Australia - This visa must be applied for OUTSIDE of Australia only - You will receive an electronic virtual visa if you apply online!! - You must be between 18 and 30 years old; - You can study a course of maximum 4 months (16 weeks) - You can work full time for one year but not more than 6 months for the same employer - When your visa expires, you can renew it into different visas such as visitor visa, student visa, Sponsorship visa More information can be gained by visiting the Australian Department of Immigration and Citizenship website or contact us and we can guide you through the process.   Permanent Residency It is a very complex process to apply for the permanent residency and the requirements are regularly modified and updated by by the Australian Department of Immigration and Citizenship. For this reason we recommend all those interested in obtaining permanent residency use the services of a professional Migration Agent accredited by the MARA or by the MIA. The Oak Education is in partnership with Phillip Au Associate registered migration agent. Through The Oak we are able to provide advice on all migration matters and offer a free consultation for all General Skilled Migration enquires.   Business Sponsorship Business sponsorship is one possible gateway to permanent residency but as with permanent residency it is a very complex process and the requirements are regularly modified and updated by by the Australian Department of Immigration and Citizenship. For this reason we recommend all those interested use the services of a professional Migration Agent accredited by the MARA or by the MIA. The Oak Education is in partnership with Phillip Au Associate registered migration agent. Through The Oak we are able to provide advice on all migration matters and offer a free consultation for all General Skilled Migration enquires  http://www.theoakeducation.com/
บันทึก 60 เรื่องน่ารู้ในหลวงของเรา
วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ เป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี...ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวโรกาสสำคัญยิ่งนี้ ทีมข่าวสตรีไทยรัฐ ได้ทำการรวบรวม “๖๐ เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับในหลวงของเรา” นำมาถ่ายทอดสู่สาธารณชน โดยครอบคลุมทั่วทุกด้าน ตั้งแต่พระราชประวัติ, พระราชกรณียกิจสำคัญๆ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยส่วนพระองค์     ๑) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเฉลิมพระ ปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร     ๒) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ รัตนโกสินทร์ศก ๑๔๖ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงศึกษาวิชาแพทย์อยู่     ๓) ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่สาม ทรงมีพระเชษฐภคินี ๑ พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ๑ พระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทุกพระองค์ประสูติในต่างประเทศ     ๔) เสด็จกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกพร้อมสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี เมื่อพระชนม์ได้ ๑ ชันษา ในเดือนธันวาคม ๒๔๗๑     ๕) ทรงสูญเสียทูลกระหม่อมพ่อตั้งแต่ พระชนม์ไม่ถึง ๒ พรรษา โดยสมเด็จพระบรมราชชนกทรงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๗๒     ๖) ทรงศึกษาเล่าเรียนในต่างประเทศตลอดพระชนม์ชีพ เว้นแต่ในช่วงพระชนมพรรษา ๕ พรรษา ได้เสด็จเข้าศึกษาในโรงเรียนมาแตร์เดอี ๑ ปี ก่อนเสด็จไปประทับที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์     ๗) ทรงจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซานน์, ชั้นมัธยมจากโรงเรียนเอกอล นูแวล เดอ ลา ซืออิส โรมองด์ เมืองแชลลี ซูร โลซานน์ ต่อมาในปี ๒๔๘๑ ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนยิมนาส คลาสสิค กังโตนาล เมืองโลซานน์ ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์ จากนั้น จึงทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลือกแผนกวิทยาศาสตร์     ๘) เสด็จนิวัติประเทศไทยครั้งที่สอง วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ ขณะมีพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา     ๙) เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคต ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ คณะรัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์แทน แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงเสด็จฯกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์     ๑๐) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่สอง หลังประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข     ๑๑) ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๒     ๑๒) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในเดือนต่อมา     ๑๓) พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีขึ้นเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”     ๑๔) ทรงมีพระราชธิดา ๓ พระองค์ และพระราชโอรส ๑ พระองค์ โดยทุกพระองค์ประสูติที่เมืองไทย ยกเว้นพระราชธิดาองค์โตคือ สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์     ๑๕) ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ และประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๑๕ วัน โดยทรงมีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ     ๑๖) เสด็จเยือนต่างประเทศเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีเป็นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๐๒ โดยเสด็จเยือนเวียดนามเป็นประเทศแรก และเสด็จเยือนแคนาดาเป็นประเทศสุดท้าย ในปี ๒๕๑๐ รวมทั้งสิ้น ๓๑ ครั้ง ๒๘ ประเทศ และนับแต่นั้นมามิได้เสด็จออกนอกพระราชอาณาจักรอีกเลย     ๑๗) การเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการยาวนานที่สุดกินเวลา ๗ เดือนเต็ม มีขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๓ โดยเสด็จเยือน ๑๔ ประเทศในภูมิภาคยุโรป และอเมริกา     ๑๘) จตุรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และสะท้อนความภาคภูมิใจของชาวเมืองเคมบริดจ์ ในฐานะที่เป็นเมืองเดียวของสหรัฐอเมริกาที่เคยมีพระมหากษัตริย์เสด็จพระราช สมภพ     ๑๙) ทรงขึ้นชื่อว่าเป็นอัครศิลปิน เพราะทรงเปี่ยมด้วยพระอัฉริยภาพหลายด้าน โดยทรงศึกษาด้วยพระองค์เองจากตำราต่างๆ ในด้านจิตรกรรม ทรงเริ่มสนพระทัยวาดภาพ เมื่อพระชนมพรรษาได้ ๑๐ พรรษา และทรงวาดภาพอย่างจริงจัง เมื่อปี ๒๕๐๒ โดยมักจะทรงใช้เวลาในตอนค่ำหลังว่างจากพระราชภารกิจ แต่นับจากปี ๒๕๑๐ เป็นต้นมา ก็มิได้ทรงเขียนภาพอีกเลย     ๒๐) เมื่อปี ๒๕๒๕ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ จำนวน ๔๗ ภาพ ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งยังทรงดำรงสิริราชสมบัติอยู่ ทรงแสดงภาพจิตรกรรมในฐานะศิลปินเดี่ยว     ๒๑) ด้านประติมากรรม ทรงศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธีการต่างๆ ทั้งงานปั้น, หล่อ และทำแม่พิมพ์ งานประติมากรรมฝีพระหัตถ์แบบลอยตัว เก็บรักษาที่ตู้บนพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มี ๒ ชิ้นคือ รูปปั้นผู้หญิงเปลือยนั่งคุกเข่า ปั้นด้วยดินน้ำมัน และพระรูปปั้นครึ่งพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ     ๒๒) โปรดการถ่ายรูปและถ่ายภาพยนตร์ เช่นเดียวกับสมเด็จพระ บรมราชชนนี โดยทรงเป็นนักถ่ายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง ทรงจัดทำห้องมืดขึ้นที่ชั้นล่างตึกทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ส่วนใหญ่เป็นแบบฉับพลันทันเหตุการณ์ ซึ่งทรงบันทึกไว้ระหว่างเสด็จฯไปตามสถานที่ต่างๆ     ๒๓) ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทุกภาพ จะทรงจัดให้มีหมายเลขประจำภาพ เช่น ภาพครอบครัว, พระราชพิธี, ภาพราษฎรที่มาเฝ้า รวมถึงภูมิประเทศต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ     ๒๔) ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ใด จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ ๓ สิ่งคือ แผนที่ ซึ่งทรงทำขึ้นเอง, กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ โดยเวลาทรงงานจะทรงใช้ยางลบเสมอ เมื่อทรงพบเห็นอะไรก็จะทรงขีดเขียนลงบนแผนที่ เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงกระทำมาก่อน     ๒๕) ทรงเคยประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง เป็นเครื่องร่อน และเรือรบจำลอง     ๒๖) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกของโลก ที่ทรงได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์ คิด ค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือ กังหันน้ำชัยพัฒนา เมื่อปี ๒๕๓๖     ๒๗) กีฬา โปรดของพระ องค์คือ แบดมินตัน, สกี และเรือใบ     ๒๘) เมื่อปี ๒๕๐๗ ทรงต่อเรือใบที่ใช้งานได้จริงลำแรก เป็นเรือมาตรฐานสากลประเภท เอ็นเตอร์ไพรส์ คลาส พระราชทานชื่อว่า “ราชปะแตน” และปล่อยเป็นปฐมฤกษ์ในคูน้ำรอบสวนจิตรลดา     ๒๙) ทรงต่อเรือใบพระที่นั่งด้วยพระองค์เองมาแล้วหลายลำ รวมถึงเรือชื่อ มด, ซุปเปอร์มด และไมโครมด ซึ่งจดทะเบียนระดับนานาชาติประเภท Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ     ๓๐) นอกจากจะทรงโปรดเครื่องดนตรีเป่าทุกชนิดแล้ว ยังทรงกีตาร์และเปียโนด้วย ทรงเป็นผู้นำด้านการประพันธ์เพลงสากลของเมืองไทย โดยใส่คอร์ดดนตรีแปลกใหม่และซับซ้อน ทำให้เกิดเสียงประสานที่เข้มข้น     ๓๑) เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงซื้อคือ คลาริเน็ต เมื่อพระชนมพรรษา ๑๐ พรรษา     ๓๒) ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา โดยเพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ “แสงเทียน” และจนถึงขณะนี้ พระราชนิพนธ์เพลงไว้แล้ว ๔๗ เพลง     ๓๓) เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๒๙ ทรงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์พระราชนิพนธ์ คำร้องและโน้ตเพลงครั้งแรก     ๓๔) ทรงพระราชนิพนธ์เพลงประจำมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์     ๓๕) ทรงตั้งวงดนตรี “อ.ส.วันศุกร์” ย่อมาจากชื่อพระที่นั่งอัมพรสถาน สถานที่ทรงก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ส่วนวันศุกร์คือ วันที่ทรงดนตรีเป็นประจำ     ๓๖) ทรงมีพระปรีชาสามารถโดดเด่นด้านภาษา โดยทรงถนัดทั้งภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน และอังกฤษ     ๓๗) นอกจากจะทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไว้หลายเรื่อง อาทิ พระราชนิพนธ์เรื่อง “พระราชกิจรายวันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล” และเรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์” ยังทรงอุทิศเวลาให้ กับพระราชนิพนธ์แปลด้วย เช่น นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ, ติโต และพระมหาชนก ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษจากพระไตรปิฎก     ๓๘) พระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ๒๕๓๑ ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดพิมพ์ในโอกาสพระราชพิธีฉลองปี กาญจนาภิเษก เมื่อปี ๒๕๓๙     ๓๙) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงขับรถยนต์ พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยเป็นระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเชียงใหม่     ๔๐) เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดของประเทศไทย     ๔๑) เสด็จฯทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคลสายแรกของประเทศ และประทับรถไฟใต้ดิน เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗     ๔๒) ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตร เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์, ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี     ๔๓) ทรงมีสุนัขทรงเลี้ยง ๓๔ ตัว มีคุณทองแดง สุวรรณชาด เป็นสุนัขทรงโปรด ได้รับฉายาว่า สุนัขประจำรัชกาล     ๔๔) ทรงช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่เกษตรกร ทำให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน     ๔๕) โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกคือ โครงการสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน     ๔๖) ทรงริเริ่มโครงการนาข้าวทดลอง ในบริเวณสวนจิตรลดา จากนั้นทรงริเริ่มโครงการโรงโคนม จัดตั้งเป็นโรงโคนมสวนจิตรลดา เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่การเลี้ยงโคนมอย่างถูกวิธี     ๔๗) จนถึงปัจจุบัน มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเกือบ ๓ พันโครงการ มีทั้งเรื่องการศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สาธารณสุข, สวัสดิการสังคม และชลประทาน     ๔๘) โครงการหลวง เป็นโครงการที่ทรงริเริ่มขึ้น เมื่อปี ๒๕๑๒ เพื่อช่วยเหลือชาวเขาทางภาคเหนือให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เลิกปลูกฝิ่นและหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจแทน     ๔๙) เนื่องจากทรงห่วงใยพสกนิกรที่ต้องทนทุกข์จากการอาศัยในถิ่นทุรกันดารขาดแคลน น้ำ จึงทรงริเริ่มโครงการฝนหลวง โดยทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าครั้งแรก ที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ เมื่อปี ๒๕๑๒     ๕๐) ทรงริเริ่มโครงการเพื่อการศึกษาไว้มากมาย โดยทรงตั้งทุนภูมิพลพระราชทานทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ส่วนทุนเล่าเรียนหลวง ริเริ่มขึ้นในสมัย ร.๕ และยกเลิกไปเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภายหลังทรงรื้อฟื้นขึ้นใหม่ ในปี ๒๕๐๘ เพื่อส่งนักเรียนไทยไปศึกษาในต่างประเทศ นำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง     ๕๑) โรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรกตั้งขึ้น เมื่อปี ๒๕๑๕ ณ บ้านหนองแคน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม     ๕๒) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามภูมิภาคต่างๆ รวม ๖ แห่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชนบท     ๕๓) โครงการพระดาบส เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดตั้งขึ้นปี ๒๕๑๙ เพื่อให้การศึกษาแก่บุคคลทั่วไป ไม่จำกัดเพศ วัย และวุฒิการศึกษา     ๕๔) ในปี ๒๕๓๕ องค์การอนามัยโลก ได้ทูลเกล้าฯถวายเหรียญเทิดพระเกียรติ ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านสุขภาพอนามัยเพื่อปวงชนชาว ไทยอย่างกว้างขวาง     ๕๕) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยรักษาพยาบาล ที่ปากทางเข้าเขตพระราชฐานเกือบทุกแห่ง โดยไม่คิดค่ารักษา     ๕๖) ชาวบ้านจำนวนมากทุกข์ทรมานจากโรคฟัน จึงทรงให้จัดตั้งหน่วยทันตแพทย์เคลื่อนที่     ๕๗) ทรงก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาประเทศไว้หลายแห่ง รวมถึง มูลนิธิชัยพัฒนา เน้นช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเร่งด่วน ซึ่งทางราชการไม่สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันที     ๕๘) โครงการแก้มลิง เป็นโครงการที่ทรงคิดค้นเพื่อระบายน้ำท่วมขัง และกักน้ำไว้ใช้ในยามแห้งแล้ง     ๕๙) ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ทรงพระราชทานปรัชญาสำคัญแก่ประชาชนชาวไทย นั่นคือ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำรงชีพอย่างพอเพียง โดยยึดหลักทางสายกลาง     ๖๐) ล่าสุด ทางสหประชาชาติ นำโดย “โคฟี อันนัน” ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ยูเอ็นยกย่องว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ซึ่งทรงริเริ่มปรัชญาสำคัญๆไว้มากมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก และมีหลายประเทศนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนา.                                                 ที่มา : dek-d  โดย :dek-dek Website :กรมประชาสัมพันธ์  
อาร์ต..ตัว แม่ เป็นแบบนี้นี่เอง
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบายโดยละเอียด ถ้าเคยได้ดู เดี่ยว7 ของโน้สอุดมกันมาแล้ว มาดูเรื่องนี้กันว่า..อาร์ตตัวแม่ มันเป็นแบบนี้ป่าว 1.ถ้าคุณจูบเธอ คุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ถ้าคุณไม่จูบเธอ คุณไม่ใช่ผู้ชาย 2.ถ้าคุณชมว่าเธอแต่งตัวสวย เธอจะคิดว่าคุณก็พูดไปงั้นๆ แต่ถ้าคุณไม่ชมเธอ เธอจะคิดว่าคุณชุ่ยจนไม่สังเกตเห็นว่าเธอแต่งตัวสวย 3.ถ้าคุณตามใจเธอทุกอย่าง คุณรู้สึกแย่ เพราะปล่อยให้เธอควบคุมคุณมากเกินไป แต่ถ้าคุณไม่ยอมตามใจเธอ คุณรู้สึกว่าคุณเห็นแก่ตัวและไม่ยอมเข้าใจว่าเธอต้องการอะไร 4.ถ้าคุณไปหาเธอบ่อยเกินไป เธอจะรู้สึกว่าคุณน่าเบื่อ แต่นานๆ ทีคุณไปหา เธอก็จะรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยเอาใจใส่ 5.ถ้าคุณแต่งตัวเนี้ยบ เธอจะบอกว่าคุณเป็นเพลย์บอย แต่ถ้าคุณไม่สนใจการแต่งตัวเท่าไหร่ เธอก็จะบอกว่าคุณชุ่ย 6.ถ้าคุณพยายามจะโรแมนติก เธอก็จะบอกว่า "ไม่ต้องพยายามเอาใจฉันก็ได้" แต่ถ้าคุณไม่โรแมนติกเลย เธอก็จะบอกว่า "คุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม" 7.ถ้าคุณไปสาย เธอจะบ่นว่าทำไมมาช้า แต่ถ้าเธอมาสายบ้าง เธอก็จะบอกว่า "ผู้หญิงก็ต้องมาช้าบ้างเป็นธรรมดา" 8.ถ้าคุณจูบเธอบ่อยๆ เธอจะบอกว่า "คุณทำให้ฉันหายใจไม่ออก" แต่ถ้าคุณไม่ค่อยจูบเธอ เธอก็จะบอกว่า "คุณซื่อบื้อเย็นชาซะไม่มี" 9.ถ้าเธอพูด เธออยากให้คุณฟัง และเมื่อคุณฟัง เธอก็ต้องการให้คุณพูดอะไรออกมาด้วย!!!! คำแปลภาษาหญิง ใช่ = ไม่ ไม่ = ใช่ อาจจะ = ไม่ เราอยากได้ = ฉันอยากได้ เราต้องคุยกัน = ฉันอยากบ่น ไม่เป็นไร = คุณทำให้ฉันเสียใจมาก คุณรักฉันไหม = ฉันกำลังอยากได้ของแพงๆ เหมือนเดิม = ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร = มีแน่ๆ ไม่มีอะไรจริงๆ = ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!! Credit : atcloud.com/stories/33779
4 ท่าบริหารป้องกัน ปวด จากการใช้คอมพิวเตอร์
4 ท่าบริหารป้องกัน "ปวด"จากการใช้คอมพิวเตอร์ (มติชน)       ช่วง ปิดเทอมนี้การจะห้ามไม่ให้เด็กเล่นเกม ใช้คอมพิวเตอร์ หรือเล่นอินเทอร์เน็ตคงเป็นเรื่องยาก ถือเป็นช่วงวันหยุดยาวที่พวกเขาจะได้พักผ่อน หลังจากการเรียนและสอบที่เคร่งเครียด เด็กหาวิธีผ่อนคลายในยุคดิจิตอลด้วยการเล่นเกม แต่ เด็ก ๆ หารู้ไม่ว่าการนั่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้มีอาการปวดนิ้ว นิ้วแข็ง มือเกร็ง และอาจมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดคอ ปวดแขน ตามมาได้       ดร.เจย์ สัน ลี ไคโรแพรคเตอร์ ชาวเกาหลี ประจำคลีนิคกายภาพบำบัดดีสปายน์ ไคโรแพรคติก บอกว่า การห้ามเด็ก ๆ ไม่ให้เล่นเกมหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ในยุคดิจิตอลนี้คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่เกม และอะไร ๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งนั้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยมีปัญหาและอาการปวดนิ้ว นิ้วแข็ง มือเกร็ง ทำให้เขียนหนังสือไม่ได้ หรือเมื่อพอเริ่มเขียนได้สักพักก็รู้สึกเครียด อารมณ์เสีย มีอาการโมโห หรือหงุดหงิด นอกจากเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการเล่นเกมและใช้คอมพิวเตอร์แล้ว ผู้ใหญ่จำนวนมากก็ต้องประสบกับอาการปวดและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปวดคอ อันเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านบัญชี คีย์ข้อมูล หรือต้องพิมพ์รายงานต่าง ๆ เป็นต้น        ดร.เจย์ สัน ลี กล่าวต่อว่า การ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ส่วนมากจะนั่งผิดลักษณะท่าทาง ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอ นอกจากนั้นยังมีการใช้เก้าอี้ไม่ตรงกับสรีระ จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา ควรจะมีการพักสายตา ยืดกล้ามเนื้อ หรือบริหารร่างกาย เพื่อเป็นการป้องกันอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ                1. ท่าบริหารและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ท่านี้ควรให้เด็ก ๆ ยืนหรือนั่งให้หลังตรง แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นด้านบน ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วหงายมือออก       2. ท่าบริหารกล้ามเนื้อแขน ให้เหยียดแขนทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าโดยให้มือประสานกัน       3. ท่าบริหารกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณนิ้วมือ โดยยืดแขนออกไปข้างหน้า โดยให้มือชี้ลง พร้อมทั้งดัดนิ้วมือไปทางด้านหลัง โดยให้ทำสลับกันทั้งซ้ายและขวา อย่างน้อย 20 วินาที       4. ท่าบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ โดยการยืนตัวตรง เอามือซ้ายจับบนศีรษะด้านขวา พร้อมโน้มคอไปทางด้านเดียวกับที่มือจับศีรษะอยู่ ทำสลับไปมา ซ้ายขวา
เครื่องดื่มซ่า ที่น่ากลัว
เครื่องดื่มซ่า ที่น่ากลัว ในบรรดาเครื่องดื่มต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่จัดว่าไร้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง แถมยังเป็นโทษต่อสุขภาพอย่างมาก        มองไปบนโต๊ะในร้านอาหารเกือบทุกแห่ง น้ำอัดลมหลากสีจัดเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม สำหรับหลาย ๆคนในบ้านเราและบ้านอื่น ทั่วโลก       นอกจากรสหวานที่ดึงดูดใจให้ต้องดื่มเป็นประจำแล้ว ความซ่าจากคาร์บอเนตก็ติดตราตรึงใจผู้คนไม่น้อย แม้จะมีราคาไม่สูงแต่เมื่อเทียบกับประโยชน์และโทษ นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ควรหลีกหนีให้ไกล      ประการแรก น้ำตาลที่สูงมากในน้ำอัดลมทุกขวด เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับเราในเรื่องน้ำหนักตัวที่เกินปกติ เพราะน้ำอัดลม 1 กระป๋องหรือขวด มีน้ำตาลสูงเทียบเท่าน้ำตาลทราย 15-20 ช้อนชา เรียกว่าเราได้พลังงานมหาศาลถึง 300-400 แคลอรี่ หากใช้ไม่หมดมันก็จะสะสมเป็นชั้นไขมันในพุง หรือในต้นขาของเรา     ประการที่สอง การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ และบ่อย ๆ ไม่เป็นผลดีต่อระบบภายในร่างกาย เมื่อน้ำตาลสูงร่างกายก็ต้องพึ่งฮอร์โมนอินซูลินในการลดน้ำตาลในเลือด ตับอ่อนก็ต้องทำงานหนัก ก็อาจเกิดความเสื่อมได้เร็วกว่าปกติ ก็เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน        จากเบาหวานก็จะมีอีกสารพัดโรคที่ตามมา อาทิ ความดันสูง หลอดเลือดตีบ โรคหัวใจ       แต่ท่านที่ติดความซ่าอาจคิดเลี่ยงไปซดเครื่องดื่มประเภทไร้แคลอรี่หรือปราศจากน้ำตาล แต่ท่านทราบไหมว่าเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เพราะยิ่งดื่มจะยิ่งมีโอกาสอ้วน        จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเท็กซัสกว่า 8 ปีต่อเนื่อง ได้มีข้อสรุปว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทปราศจากน้ำตาลและใส่สารทดแทนความหวานจะมีโอกาสน้ำหนักเกินกว่ากลุ่มปกติการศึกษาชี้ถึงความเสี่ยงที่จะอ้วนสูงถึง 41% สำหรับทุก ๆ ขวดที่ดื่มเข้าไป        สาเหตุที่การดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลแต่กลับมีโทษต่อร่างกายมากกว่าเพราะสารทดแทนความหวานสร้างปฏิกิริยาทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเก็บกักไขมันมากกว่าปกติ มากกว่าการเก็บจากภาวะที่เราได้จากน้ำตาลธรรมชาติ        ประการต่อมา ความประมาทของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่คิดว่าไม่มีน้ำตาลหรือกังวลเรื่องน้ำหนักตัว ทำให้เผลอใจกินอย่างไม่ระมัดระวัง กว่าจะรู้ตัวอีกที อ้วนเสียแล้ว        สำหรับผู้ที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง เครื่องดื่มประเภทนี้ควรหลีกหนีให้ไกลเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่มา ... Never-Age
คุณสมบัติผู้หญิงที่ผู้ชายค้นหา
ในยุคสมัยนี้คงหมดยุคของผู้หญิงที่คอยเป็นช้างเท้าหลังเป็นแม่บ้านแม่เรือนอยู่บ้านรอปรนนิบัติผู้ชายแล้วล่ะ แล้วคุณผู้ชายเองก็คงไม่ได้ต้องการแม่บ้านแต่ต้องการเพื่อนคู่ชีวิตที่คอยรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาในยามที่ท้อแท้ คุณสมบัติของผู้หญิงที่ผู้ชายต้องการมีอะไรบ้างเรามาดูกัน ผู้ชายต้องการความอ่อนโยน คงไม่มีผู้ชายคนไหนหลงรักความก้าวร้าวของผู้หญิงหรอกใช่ไหม ยกเว้นแต่เขาจะหลงรักความห้าวหาญที่ออกมาอย่างจริงใจและใสซื่อเท่านั้นล่ะ ไม่ใช่แค่บุคลิกอ่อนโยนที่จะสามารถมัดใจชายให้หลงรักหัวปักหัวปำได้ แต่ความอ่อนโยนภายใต้ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจและความรู้สึกนี่ล่ะ ที่จะทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกได้ถึงความสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้เธอ ถ้าเลือกได้ก็อยากได้ผู้หญิงไม่เที่ยว ผู้ชายอาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่ซีเรียสหรอกนะถ้าเธอจะเป็นหญิงสาวท่องราตรี คำพูดนี้จะออกมาจากปากเขาในช่วงแรกๆ ที่เค้าต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับเราเท่านั้น แต่เมื่อเขาต้องการมองหาคู่ชีวิต คงจะลำบากถ้าคู่ชีวิตของเขาขยันปาร์ตี้ทุกคืนวันศุกร์เสาร์ ดูยังไงมันก็ไม่เหมาะกับพวกเขาหรอกจริงไหม ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ผู้หญิงกินเหล้า สูบบุหรี่ คงไม่เหมาะล่ะมั้งถ้าเขาคิดจะหาแม่ของลูกขึ้นมา อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในปัจจุบันเลยค่ะ ถึงแม้เจ้าตัวเขารับได้ แค่ครอบครัวเขาคงต้องบ๊ายบายเป็นแน่ เอาเป็นว่าสำหรับผู้หญิงที่ทำงานแล้วต้องเข้าสังคมก็จิบไวน์แบบสวยๆ พอประมาณแล้วกันค่ะ เอาอกเอาใจ ขี้อ้อน เอาอกเอาใจมันเป็นสิ่งที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็ต้องการ แต่ขี้อ้อนนี่ต้องระมัดระวังนิดนึง เพราะมันมีเส้นบางๆ ระหว่างคำว่าขี้อ้อน กับเซ้าซี้ ขี้อ้อนในที่นี้หมายถึงผู้หญิงที่พูดจาน่ารักไพเราะ คะๆ ขาๆ ทุกคำพูดมันก็คงดูรื่นหู แต่เอาแค่พองามนะคะ เพราะถ้ามากเกินไปมันจะดูเกินเลยไปจนถึงไม่จริงใจไปเลย ถ้ามันไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่บอกได้เลยค่ะว่า เขา Say good bye จากคุณแน่นอน เคารพและให้เกียรติ ถามก่อนว่าเราเองต้องการให้เขาเคารพและให้เกียรติเราหรือไม่ เพราะคงทุกคนเรียกร้องต้องการความเสมอภาคอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงผู้ชายอาจไม่ต้องการความเสมอภาคจากผู้หญิงไปซะทุกเรื่อง ในบางครั้งเราจึงควรให้เกียรติ และเคารพในความคิดของเขาบ้าง หากแต่ต้องการแนะนำอะไรในฐานะเพื่อคู่คิด ควรใช้เหตุผลและความรู้สึกหวังดีที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ ให้พื้นที่ส่วนตัวกับเขาบ้าง ชีวิตคู่ยังไงก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัวในชั่วขณะนึงเหมือนกันนะ พื้นที่ส่วนตัวที่ต้องเว้นไว้ให้เขานั่นก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจ หากคุณระแวงโดยไม่มีสาเหตุไม่ว่าเขาจะไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง กับใคร อีกไม่นานคุณคงได้เข้าสู่สถานภาพหย่าร้าง ไม่ต้องกลัวว่าการที่คุณปล่อยเขาให้อยู่เพียงลำพังโดยที่คุณไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่บ้างจะเป็นการเปิดโอกาสให้เขาสามารถหาเวลาไปเจอกิ๊กได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงต่อให้เขามีกิ๊กสักกี่คน เขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับทุกๆ ข้อที่คุณมีให้กับเขาอย่างแน่นอน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ชายต้องการคืออิสระ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ในกรงขังจนมากเกินไป ขอแค่พอประมาณให้เกิดความเกรงใจกันเป็นพอค่ะ เพียงไม่กี่ข้อที่อาจจะดูยากและผิดธรรมชาติของผู้หญิงไปซักนิด แต่ถ้าทำได้ คุณจะสามารถมัดใจเขาได้ 100% แน่นอนค่ะ เรื่อง : ข้าวปั้น  
มือถือ สามารถฆ่าคุณได้
สมาร์ทโฟนหรือมือถือ ในฐานอุปกรณ์ดิจิตอลที่ใช้ในการสื่อสารของผู้บริโภควันนี้ ไม่เพียงแต่มันจะฆ่าเวลาในขณะที่คุณเดินทาง หรือกำลังรอใครบางคน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสรีรศาสตร์ (Ergonomics Expert) กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุด อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้อาจทำให้คุณดูแก่ก่อนวัยอันควร (หลังค่อม ตาเสื่อม ฯลฯ) และทำร้ายส่วนต่างๆ ของร่างกายคุณให้เกิดอาการอย่างน้อยทีสุดคือ เจ็บปวดตามข้อต่างๆ ได้ บทความในเว็บไซต์ New York Times ระบุว่า มือถือ โน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ต เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของมนุษย์แย่ลงกว่าก่อนนี้มาก แม้พวกมันได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย แต่กลับส่งผลต่อสุขภาพในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อ มือ หลัง และคอ ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า พนักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์อาจจะกังวลแค่เรื่องสายตาเท่านั้น เนื่องจากโต๊ะ เก้าอี้ และคอพิวเตอร์ ได้รับการออกแบบให้ร่างกายสามารถนั่งทำงานอยู่ในท่าที่ถูกต้องได้ แต่เทคโนโลยีทีมีขนาดเล็กกว่า อย่างเช่น มือถือที่สามารถถือไว้ในมือ และไหล่ในการยกมันขึ้นใช้งานในลักษณะต่างๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งไม่ใช่ท่าที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้ใช้ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใช้ทีใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้แทบตลอดเวลา จึงมีโอกาสที่จะอยู่ในท่่าทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่ท่าทีสะดวกสบาย จนอาจส่งผลให้เกิดอาการอย่างเช่น การปวดข้อมือคล้ายๆ กับ Carpal Tunnel Syndrom ไปจนถึงการมองเห็นที่แย่ลง หรือแม้แต่นิ้วล็อค แย่สุดคือ มือไม่สามารถกำ หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ที่พยายามอีเมล์ด้วยอุปกรณ์สื่อสารพวกนี้ ยังมีความเสี่ยงทีจะเกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทางร่างกายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นอีกด้วย   แล้วอะไรคือทางเลือกที่ดีทีสุดสำหรับการทำให้สุขภาพของร่างกายปกติในขณะที่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนอื่นๆ ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ คำตอบก็คือ "ไม่มี" ตราบใดที่ผู้ผลิตยังไม่สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งจุดของการออกแบบที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ต้องมีการแก้ไขอย่างเช่น คีย์แพดขนาดเล็กบนสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้ต้องใช้นิ้วโป้งด้วยวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติ และยังเป็นการทำร้ายตัวเองอีกด้วย หรือทัชแพดที่ต้องใช้นิ้วกดสัมผัส เพื่อควบคุมพอยน์เตอร์บนหน้าจอ ซึ่งมันมีวิธีเดียวที่จะหนีจากความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการใชอุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ เหล่านี้ ก็คือ "ปิดมัน" แล้วออกไปเดินสูดอากาศภายนอก พักสายตา และยืดเส้นยืดสายบ้าง ฟังดูง่าย แต่ทำยากมากสำหรับผู้บริโภคในยุคดิจิตอล เว็บไซต์  arip  
10 อันดับธนาคารที่คนไทยใช้บริการมากที่สุด
อันดับ 10 ธนาคารซีเอ็มบีไทย มาเริ่มต้นกันที่อันดับสุดท้ายของการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ในหัวข้อ "10 อันดับธนาคารที่คนไทยใช้บริการมากที่สุด" ได้แก่ ธนาคารซีเอ็มบีไทย ด้วยคะแนนเพียง 4.07 % อันดับ 9   ธนาคารยูโอบี ธนาคารยูโอบี เข้ามาเป็นอันดับที่ 9 ของการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนน 5.20 % อันดับ8    ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารนครหลวงไทย เข้ามาเป็นอันดับที่ 8 ของการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนน 6.65 % อันดับ7    ธนาคารธนชาติ อันดับที่ 7 ตกเป็นของธนาคารธนชาติ ได้อันดับ 7 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนน 7.45 % อันดับ6    ธนาคารทหารไทย อันดับที่ 6 ตกเป็นของธนาคารทหารไทย ได้อันดับ 6 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนน 8.87 % อันดับ5    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อันดับที่ 5 ตกเป็นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้อันดับ 5 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนนกว่า 11.10 % อันดับ4    ธนาคารกรุงเทพ อันดับ 4 ตกเป็นของธนาคารกรุงเทพ ได้อันดับ 4 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนนตามตูดอันดับ3 แบบติดๆ กับคะแนน 13.18 % อันดับ3    ธนาคารกรุงไทย อันดับ3ตกเป็นของธนาคารกรุงไทย ได้อันดับ 3 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ด้วยคะแนนชนะแบบเฉียดฉิว เกือบจะพลาดเหรียญทองแดงไปเสียแล้ว กับคะแนน 13.19% ห่างจากอันดับ 4 เพียง 1 % เท่านั้น อันดับ2    ธนาคารกสิกรไทย อันดับที่ 2 ตกเป็นของธนาคารกสิกรไทย ได้อันดับ 2 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com กับคะแนนตามมาติดๆ 14.50 % อันดับ1    ธนาคารไทยพาณิชย์ มาจบกันด้วยอันดับ 1 ได้อันดับ 1 ในการจัดอันดับของ Toptenthailand.com ในหัวข้อ "10 อันดับธนาคารที่คนไทยใช้บริการมากที่สุด" ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กับคะแนนแบบใสๆ 15.81 %  
สาว 7 ประเภท ที่หนุ่มๆ หวาดหวั่น
สาว 7 ประเภท ที่หนุ่มๆ หวาดหวั่น ประเภทบ้าแฟชั่น แฟชั่น เขาไปถังไหน ไม่ต้องไปเปิดหนังสือแฟชั่นให้เมื่อยหรอก ดูที่การแต่งตัวของสาวประเภทนี้แหละ เจ้าหล่อนจะไม่มีวันยอมล้าหลังใครแม้แต่เสี้ยวเดียว จึงจะอดข้าวอดน้ำเพื่อเก็บเงินเอาไปซื้อเครื่องแต่งต ัวก็ยอม ขอให้ได้สวยไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ประเภทฝันถึงเจ้าชาย สาวประเภทนี้คล้ายกับซิลเดอร์เรลล่า ที่รอคอยให้เจ้าชายมาช่วยฉุดให้พ้นจากปัญหา มีผู้ชายอยู่ใกล้ตัว หล่อนจะเหมือนกับคนปัญญาอ่อน ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่เปิดกระป๋องด้วยเครื่องเปิดกระป๋องง่ายๆ ก็ทำไม่เป็น ต้องให้ "เขายื่นมือมาช่วย" แล้วหนุ่มคนไหนจะทนได้ล่ะ อยากรู้นั ประเภทไม่ยอมพรากจรรยา เป็นคนที่บูชาตัวเอง และเคร่งครัดศีลธรรมจรรยา จะไม่มีความสุขเพราะความรู้สึกขัดแย้งกับตัวเองตลอดเ วลา พลอยทำให้หนุ่มคู่ควงไม่สบายใจไปด้วย ประเภทพูดเรื่องเซ็กส์ได้สบายปาก ประเภท นี้ฝรั่งเขาเรียกว่า "เซ็กซี่ไซเรน" คือเห็นก็รู้ว่าเป็นคนชอบเรื่องพรรณนั้น แต่งเนื้อแต่งตัวก็ชะเวิกชะวาก ยั่งยวนใจ พูดจาสัปดน ดูๆก็เป็นสาวในฝันของผู้ชายอยู่หรอก เพราะพูดจากันรู้เรื่องเร็วดี แต่ไม่เป็นงั้นน่ะซี พอเอาเข้าจริงๆหล่อนจะขืนแข็งหรือชาเย็น เรียกว่าล่อให้หนุ่มคึกเล่นเท่านั้น ประเภททำเหมือนแม่ ความจริงหล่อนหึงน่ะ แต่หนึ่งในแบบที่ว่าพยายามให้ชายพึ่งพาหล่อน เพื่อที่ว่าผู้ชายจะไม่ได้ทิ้งหล่อนไปไหน ผู้ชายอาจจะได้เงินทองของมีค่า หรือการช่วยเหลือจากหล่อน คล้ายๆกับที่ลูกที่มีแม่เป็นผู้จัดการหาทุกสิ่งทุกอย ่างให้ ดูมันก็ดีหรอก แต่จริงแล้วต่อไปหล่อนจะคุมจนผู้ชายนั้นแทบจะไม่มีโอ กาสเป็นตัวของตัวเอง ประเภทเอาแน่ไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะหล่อนเป็นสาวสังคม ชอบสังสรรค์ไปทั่ว ชอบรู้จักคนโน้นคนนี้ แสวงหาแสงสีให้กับตัวเองอยู่เสมอ ดูผิวเผินหล่อนเป็นเครื่องปรุงรสชาติได้อย่างดี แต่ก็ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่นานหน้ากากหล่อนก็จะหยุดออกเผยให้เห็นสภาพที่แท้จ ริงของการเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวรักเดี๋ยวไม่รัก สุดท้าย ประเภทไม่ยอมออกความเห็น เรียกได้ว่าหล่อนมีอาการเป็นช้างเท่าหลังเต็มที่ แฟนว่าไง ฉันก็ว่างั้น หลีกเลี่ยงหรือไม่ยอมออกความคิดเห็นของตน ฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากอยู่ใน 7 สาวดังที่กล่าวมานี้ ก็ใส่เกียร์จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็แล้วแต่สะดวก ไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ hot.ohozaa.com
สัญญาณเตือน อัลไซเมอร์ กำลังมาเยือน
คุณเป็นคนขี้ลืมหรือเปล่าคะ เช่นลืมว่าวางกุญแจรถไว้ที่ไหน ลืมว่าจะต้องทำอะไรทั้งที่เตือนตัวเองมาตลอดทั้งวันแล้ว ลืมว่าจะพูดอะไร ทั้งที่เพิ่งคิดได้เมื่อกี้หรืออะไรที่เคยทำเป็นปกติอยู่แล้ว แต่อยู่ ๆ กลับลืมวิธีทำ หรือทำแล้วรู้สึกว่าทำไมมันถึงได้ยากกว่าเมื่อก่อนบางทีนี่อาจจะไม่ใช่อาการขี้ลืมธรรมดาแล้วก็ได้นะคะ           จริงๆแล้วอาการขี้หลงขี้ลืมก็มีกันอยู่ทุกคนค่ะแต่ส่วนใหญ่สาเหตุจะมาจากการที่เราไม่มีสมาธิกับการทำสิ่งนั้นๆ จึงไม่ได้สนใจจดจำหรือคิดทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้สมาธิในการจดจำสั้นลงแต่ในปัจจุบันมีการสำรวจพบว่าเพราะความเครียด มลพิษ ปัญหาต่างๆ ที่เร่งเร้าและอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรากลายเป็นคนขี้ลืมและนำไปสู่โรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ได้เช่นกัน           แต่อย่าชะล่าใจไปนะคะว่าการลืมของเราเป็นเพียงอาการเล็กน้อย เพราะความเครียดหรือความไม่ใส่ใจเพราะจริงๆ มันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้ เพื่อให้คุณๆ ตั้งตัวรับโรคนี้ได้ทันเรามาสำรวจตัวเองและคนรอบข้างจาก 15สัญญาณที่เตือนว่า คุณอาจจะกำลังเข้าข่ายการเป็นอัลไซเมอร์กันดีกว่าค่ะ           1. หงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ เพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้           2. การตัดสินใจแย่ลงเปลี่ยนใจง่าย เช่น ถ้ามีเซลล์แมนมาขายของที่หน้าบ้านก็จะซื้อทันทีซึ่งจะต่างจากแต่ก่อนที่จะไม่ซื้อของพวกนี้เลยหรือ ไม่ใช้จ่ายอะไรง่ายๆ ซึ่งข้อนี้มักจะนำไปสู่ปัญหาด้านการเงินด้วยคือใช้จ่ายแบบไม่คิด ใช้เงินโดยไม่คำนวณ ไม่มีการออมไว้เหมือนแต่ก่อน           3. งานหรือกิจกรรมอะไรที่เคยทำอยู่ประจำจะกลายเป็นงานที่ทำได้ยากขึ้น เช่น ลืมวิธีผูกเนคไท ลืมวิธีผูกเชือกรองเท้าหรือถ้าจะทำไข่เจียวก็แตกไข่แตกเละคามือ ลืมปรุง หรือทอดโดยไม่ใส่น้ำมัน เป็นต้น           4. วางของผิดที่ผิดทางเช่น เอากระเป๋าตังค์ไปใส่ไว้ในตู้เย็น เอาช้อนส้อมไปใส่ไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าโดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิด และยังใช้ชีวิตปกติทั้งที่ข้าวของยังวางผิดที่           5. สับสนเรื่องเวลาโดยมักจะคิดว่าเวลาผ่านไปนานกว่าปกติ เช่นนั่งรอห้านาทีก็จะคิดว่านั่งรอมาห้าชั่วโมงหรือเพิ่งใส่เสื้อตัวเก่งไปแล้วเมื่อวาน แต่คิดใส่เสื้อตัวนั้นไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเดือนก่อน เป็นต้น           6. สื่อสารกับคนอื่นยากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการพูด มักจะเรียงลำดับคำผิด ใช้คำผิด พูดผิดหรือคิดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไร จะพูดว่าอะไร           7. เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่มีจุดหมายมักจะเดินออกไปที่ไหนซักที่โดยไม่รู้ว่าจะไปทำไม ไปทำอะไร           8. ทำกิจกรรมบางอย่างแบบมีเหตุผลและซ้ำๆเช่น เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วก็ปิดทันทีโดยที่ไม่ได้อยากหยิบอะไรพอเดินกลับมานั่งก็จะลุกขึ้นไปเปิดและปิดแบบเดิมอีกซ้ำๆ           9. ไม่ค่อยดูแลตัวเองทั้งเรื่องการตัดผม ตัดเล็บ หวีผมหรือลืมแม้กระทั่งว่าตื่นมาจะต้องล้างหน้าแปรงฟัน           10. แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมพูดหรือทำในสิ่งที่โดยปกติจะไม่พูด เช่น พูดว่าคนอื่นว่าอ้วนออกมาตรง ๆเพราะขาดความคิดในการชั่งใจ หรือตัดสินใจว่าอะไรถูกหรือผิดเหมือนตอนที่ยังไม่เริ่มมีอาการ           11. รู้สึกหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาหรือมักจะชอบคิดว่าตัวเองเห็นใคร หรืออะไรคอยซุ่มดูตัวเองอยู่หรือกลัวคนจะมาทำร้ายตลอดเวลา           12. นอนหลับยากกระสับกระส่ายในตอนกลางคืนมากกว่าแต่ก่อน           13. ถอยห่างออกมาจากครอบครัวเพื่อน รวมไปถึงกิจกรรมเดิมๆ ที่เคยทำ เช่น ไม่พูดคุยกับใครไม่เล่นกีฬาที่เคยเล่นประจำทุกวัน เป็นต้น           14. ชอบทำพฤติกรรมเหมือนเด็กๆเช่น งอแงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ หรือดีใจเกินกว่าเหตุถ้าได้ของที่ต้องการ           15. พูดจาและแสดงอาการก้าวร้าวเช่น พูดว่าหรือด่าทอคนอื่น ทั้งที่แต่ก่อนไม่มีพฤติกรรมอย่างนี้มาก่อน             นี่เป็นเพียงวิธีสังเกตอาการเพียงเบื้องต้นที่เราสามารถสำรวจได้ด้วยตัวเองค่ะ แล้วถ้าใครมีอาการข้างต้นเกินกว่า 5ข้อขึ้นไปก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วนะคะ ว่าอาจจะเข้าข่ายโรคอัลไซเมอร์และทางที่ดีคือลองไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติมจะดีที่สุดค่ะเพราะโรคนี้ไม่มีทางรักษาและเราสามารถป้องกัน หรือชะลอให้มันเกิดช้าลงได้ค่ะ
8 อาหารทำให้ ง่วงนอนตลอดเวลา
คุณเคยส่งสัยตัวเองบ้างไหมค่ะว่าทำไมถึงได้มีอาการง่วงนอนตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม นั้นคุณลองสังเกตุตัวเองดูนะค่ะว่าได้กินอาหารที่มีสาเหตุของการง่วงนอนตลอดเวลาบ้างรึเปล่าค่ะ      1. กาแฟ ดื่มกาแฟตอนเช้าโดยที่กระเพาะอาหารยังว่างเปล่าจะทำให้ง่วงได้ เพราะหลังจากดื่มกาแฟได้ 30 นาที กาเฟอีนจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่สมองส่งผลให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังสมองถูกสกัดกั้นแล้วความง่วงก็จะตามมา      2. กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็วช่วยสลายความเครียด ฮอร์โมนเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินจากกล้วยจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข แต่ถ้ารับประทานกล้วยมากเกินไปจะทำให้เราเกียจคร้านและไม่อยากขยับเคลื่อนไหวร่างกาย      3. ช็อกโกแลต สาร Phenylethylamine ในช็อกโกแลตจะทำให้ง่วงนอน ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนยาที่ช่วยให้นอนหลับและถ้าหากมีโกโก้ในปริมาณสูงก็จะทำให้รู้สึกมีความสุข      4. ครัวซองต์ หากรับประทานครัวซองต์ 2-3 ชิ้นจะรู้สึกง่วงนอน เพราะครัวซองต์มีปริมาณแป้งขัดขาวมากและอุดมไปด้วยไขมันอีกด้วยซึ่งไขมันจำเป็นต้องใช้พลังงานในการย่อย ดังนั้น เมื่อรับประทานครัวซองต์เข้าไปร่างกายก็จะดึงเลือดจากสมองไปที่กระเพาะเป็นจำนวนมากเมื่อสมองมีเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอก็จะทำให้ง่วงนอน หากคุณต้องทำงานเร่งด่วนก็ควรรับประทานครัวซองต์ได้แค่ชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งชิ้น      5. ขนมปังขาวและข้าวขาว อาหารทุกชนิดที่ทำมาจากแป้งขัดขาวเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้ง่วงเหตุผลก็คือ มันเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วนจึงทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากจึงทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและทำให้ง่วงนอน      6. ถั่วเปลือกแข็ง มีกากใยอาหารมากซึ่งจะไปชะงักกระบวนการย่อยอาหารและยังถูกส่งต่อไปยังลำไส้ใหญ่โดยไม่ได้ย่อย และกระตุ้นแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่จัดการกับกากใยอาหาร ผลก็คือทำให้ท้องอืดเฟ้อและง่วงนอนโดยเฉพาะถ้ารับประทานถั่วผสมเกลือก็จะทำลายวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบีซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า      7. ของหวาน เช่น ขนมหวาน เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มหวาน ๆ น้ำตาล ทำให้ง่วงนอนและยังเป็นตัวแย่งวินามินบีไปจากร่างกายเราด้วย เช่น วิตามินบี 1 บี 3 บี 6 และกรดโฟลิก และเมื่อร่างกายขาดแคลนวิตามินดังกล่าวก็จะทำให้เรี่ยวแรงถดถอยจึงส่งผลให้รู้สึกง่วง      8. ผลิตภัณฑ์นมหรือโยเกิร์ต เป็นอาหารที่มีประโยชน์แต่ถ้ารับประทานโยเกิร์ตเข้าไปมากก็จะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโปรตีน แต่ในขณะเดียวกันโปรตีนที่ว่านี้ก็จะแยกกรดอะมิโนจากร่างกายซึ่งจะส่งผลให้มีกรดมากเกินในร่างกายและทำให้ง่วงตลอดเวลา ที่มา ... Lisa
ผู้หญิง 8 บุคลิกที่มีแนวโน้มจะขึ้นคาน
สำหรับผู้ชายไม่มีอะไรที่จะมีความสุขเท่ากับการควงสาวอีกแล้ว  แน่ล่ะ…พอพวกเขาอยากควงใคร สิ่งที่ควรทำลำดับต่อไปก็คือหาทางทำความรู้จักเธอให้ได้  ถ้าเธอมีเสน่ห์เย้ายวนน่าสนใจ  หรือพวกเขารู้สึกถูกคอด้วยก็คงจะหาทางพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป  แต่หากพวกเขาพอหญิงสาวประเภทนี้คำแนะนำเลยว่าอย่าเสียเวลาอีกต่อไป 1.บงการและควบคุมทุกอย่าง นิยามง่ายๆ  ของสาวประเภทนี้ก็คือสาวเผด็จการนั้นเอง  เธอจะชอบชี้นิ้วสั่งบงการพวกเขาอยากได้อะไร  เมื่อไหร่  พวกเขาเหล่านี้ก็สรรหามาให้เธอ  คำแนะนำสำหรับการจีบเธอสาวประเภทนี้ก็คือหัดใช้คำพูดว่า “ได้จ๊ะ” ให้ชินปาก 2.สนใจแต่ผลประโยชน์ เข้าทำนองว่าถ้าพวกเขามีค่าฉันคบ  ถ้าเขาหมดเท่าไร้ราคาฉันเลิก  นั่นแหละหญิงสาวประเภทนี้น่ากลัวมากๆ  เธอจะให้ความสนใจเฉพาะเพียงคนที่สนองความต้องการของเธอเท่านั้น  คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภ?นี้ก็คือเขาภาวนาตัวเองถูกล๊อกเตอรี่รางวัลที่ 1  เพื่อจะตอบสนองความต้องการของเธอได้ทุกอย่าง 3.ไม่เป็นตัวของตัวเอง ต่อให้เธอสวยงานสักปานใด  แต่ถ้าเธอไม่กล้าคิด  ไม่กล้าตัดสินใจเอง  จิตใจวอกแวก  ลังเลมันก็น่ารำคาญเสียจริง ดีไม่ขนากของกินของใช้ยังเปลี่ยนใจไปมาเลย  แล้วกันพวกเขาเธอจะไม่ลังเลหรือ? คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ  ให้พวกเขาเริ่มไม่เป็นของตัวเองก่อนด้วยจากเธอมาซะ 4. ขี้เหนียว สาวประเภทนี้ไม่รู้ว่าจะเคยพกกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านหรือเปล่า ? คติพจน์ประจำของเธอก็คือ  “กินได้  จ่ายไม่เป็น”  แน่ล่ะ  ถ้าพวกเขาจีบเธอก็ต้องเป็นพวกเขาน่ะสิที่ต้องเป็นฝ่านควักกระเป๋าจ่าย  คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ  สังเกตว่าคนอื่นเรียกพวกเขาว่าอะไร  ถ้าไม่มีคำว่า “เสี่ย  หรือ เฮีย” นำหน้าก็ถอยดีกว่า 5. เรื่องมากเอาใจยาก สาวประเภทนี้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำอะไรให้เธอสิ่งที่ตอบแทนกลับมามีเพียงความไม่พอใจนั้น ก็เหมือนกับการตักน้ำเทใส่ตุ่มที่รั่ว  ย่อมไม่มีวันที่จะเต็มขึ้นมาได้อย่าแน่นอน  คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ  หันมาเอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นดีกว่าไม่ซ้ำใจด้วย 6. เห็นแก่ตัว ถ้ารักผู้ชายยึดมั่นคติพจน์ที่ว่า “ความรักคือการเสียสละ” ล่ะก็พวกเขาจะพบว่าบางครั้งมันก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน  ก็เธอออกจะคิดว่าตังเองเป็นศูนย์กลางจักวาลขนากนั้นเลย  เธอจะไปคิดถึงหัวใจใครล่ะ  คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ  ลบคติพจน์แห่งความรักประจำใจขางต้นไปเสียเลย 7. ไม่มีเหตุผล สาวประเภทนี้อายุมากขึ้นแต่จิตใจกลับไม่ยอมโตตามแฮะ  ถ้าพวกเขาลองคบเป็นแฟนล่ะก็สัมพันธภาพของเขากับเธอมีหวังลุ่มๆ  ดอนๆ  เป็นแน่  คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือเสาะหาโรงพยาบาลโรคประสาทดีๆ  สักแห่ง  ไม่ใช่สำหรับส่งเธอเข้าไปหรอกนะ  แต่เป็นพวกเขานั่นล่ะแหละที่จะเครียดกับความไร้เหตุผลของเธอ 8. ขี้บ่น แม้โดยธรรมชาติของผู้หญิงแล้วมักจะขี้บ่นชอบพูดจาเจื้อยแจ้ว  แต่ลองสาวไหนพูดได้ทั้งวันแต่ได้พูดจาฉอเลาะให้พวกเขาชื่นใจ  กลับเป็นการหาเรื่องบ่นได้ทุกเรื่อง  ไหนจะด่าพวกเขาอีกถ้าพวกเขาสร้างความไม่พอใจให้เธอ  คำนะนำการจีบสาวประเภทนี้คือหาซื้อไอพอลดีๆ สักเครื่อง  จะได้เอาไว้อุดหูเวลาที่เอบ่นน่ะ ขอบคุณ : นิตยสาร Spicy  
50 เทคนิค เรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี
50 เทคนิค เรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี "เปิดเทอมใหม่" ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญอีกช่วยเวลาหนึ่งที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เรียนรู้การปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง พร้อมทั้งเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งในและนอกบทเรียน เพื่อเตรียมตัวสู่การสอบที่จะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้...แต่!จะทำยังไงให้สอบแล้วได้เกรดดี ๆ ได้ล่ะ...วันนี้เราจึงมี "50 เทคนิค เรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี ๆ" มาฝากน้อง ๆ กัน ไปดูกันสิว่ามีอะไรบ้าง... 1.ขั้นแรก ต้องขยันอ่านหนังสือเข้าไว้ 2.จากข้อ1 ต้องเป็นหนังสือเรียนด้วยนะ 3.จากข้อ2 ควรอ่านวันละสามเวลาก่อนอาหาร 4.จากข้อ3 ถ้าอ่านหลังอาหารอาจหลับคาหนังสือได้ 5.จากข้อ.. พอได้แล้ว(โว้ย!) ถ้าอยากได้เกรดดีต้องตั้งใจฟังครูสอนในห้องเรียนด้วย 6.ถ้าครูสอนนอกห้องเรียนล่ะ เอ่อ ..จะรีบแป้กไปถึงไหนครับ 7.เวลาเรียนห้ามกินหมูย่างเกาหลี 8.ยกเว้นเพื่อนเลี้ยง ของฟรีห้ามปฏิเสธ (เพราะเดี๋ยวมันไม่ยอมเลี้ยงอีก) 9.เวลาเรียนห้ามกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ..แอบไว้ใต้โต๊ะทำไม แบ่งเพื่อนกินด้วยสิ 10.แป็บเดียวถึงสิบข้อแล้ว เร็วจริง ๆ 11.เวลาครูสอนให้จดเรื่องสำคัญ ๆ ใส่สมุดไปด้วย จะได้ไม่ลืม 12.แต่ถ้าเห็นคนข้าง ๆ จดอยู่แล้ว ค่อยขอยืมลอกก็ได้ 13.บางวิชาครูอาจไม่ให้จดตอนครูสอน ถ้ากลัวลืมและมีสปิริตแรงกล้า คว้ามือถือขึ้นมาอัดเสียงเลย! 14.อะไรนะ.. มือถืออัดเสียงไม่ได้เหรอ บ้านน๊อก บ้านนอก 15.ขณะทำตามข้อ13 ควรซ่อนมือถือไว้ในที่มิดชิด เช่น ใต้โต๊ะ แต่ถ้าครูเกิดเห็นขึ้นมาก็บอกไปเลยว่าเราทำเพื่อคะแนนสอบในอนาคตที่สดใส 16.ผู้เขียนไม่รับประกันว่ามือถือจะไม่ถูกยึด ถ้าโดนยึดอย่ามาเผาบ้านคนเขียนเด็ดขาด ..มันร้อน 17.นอกเวลาเรียนไม่ต้องขยันนักก็ได้ พักผ่อนมั่งเหอะ เรียนหนักจะยิ่งเครียดซะเปล่า ๆ 18.คนไม่เรียนกวดวิชาแต่ทำคะแนนสอบได้ดีมีตั้งเยอะ 19.ถ้าตั้งใจเรียนในห้อง ไม่ไปกวดวิชา แล้วสอบตกล่ะก็ หมายความว่าครูสอนไม่ดี ไม่ก็ออกข้อสอบยากเกินไป 20.ถ้ามั่นใจว่าเรื่องไหนครูยังไม่สอนแต่ดันออกข้อสอบก็แย้งไปเลย จะปล่อยให้GPAตกทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเนี่ยนะ 21.มีอะไรจะบอก.. สังเกตกันหรือเปล่าว่าข้อ 9 หายไปน่ะ 22.เฮ้อ! ไม่รอบคอบกันซะเลย 23.คุณมองขึ้นไปดูข้อ9 แล้วรู้ว่า...ผมโกหก 24.หา ยังไม่ได้ดูหรอกเหรอ ทำไมเชื่อใจคนยากแบบนี้ เดี๋ยวไม่มีใครคบนา 25.เยส ครึ่งทางแล้ว! 26.ถ้าอ่านหนังสือแล้วเบื่อ เข้าไปหาอ่านความรู้ในเน็ตบ้างก็ได้ มีเป็นหมื่นเป็นล้านเว็บไซด์ให้เลือกดู 27.เฮ้ย! อย่าเพิ่งเข้าเว็บโป๊ 28.จะว่าไปเว็บไซด์ภาษาไทยเกี่ยวกับวิชาการดี ๆ มีไม่กี่เว็บหรอก อาจจะหายากสักหน่อย 29.เจอแล้วอย่าลืมแบ่งเพื่อนอ่านด้วย จะได้รับความรู้กันถ้วนหน้า 30.อย่าเพิ่งส่งลิงค์เว็บโป๊สิ เห็นนะโว้ย! 31.อีกเทคนิคหนึ่งที่เพิ่มเกรดทันตา คือ ป้อยอครูสอนเยอะ ๆ ทำตัวเป็นเด็กดีซะ 32.พูดอีกนัยหนึ่งคือให้ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ ต่อให้ครูสอนไม่เข้าใจ โคตรจะยากยังไง ก็ให้พยักหน้าว่าเข้าใจไว้ก่อน 33.แต่อย่าถึงกับเลียแข้งเลียขา อันนั้นเป็นเทคนิคของพวกผู้ใหญ่ โดยเฉพาะนักการเมือง 34.อย่าเพิ่งไอ คุก คุก คุก 35.ความจริงครูส่วนใหญ่ชอบเด็กตั้งใจเรียน แค่ตั้งใจฟังครูในห้องก็ได้จิตพิสัยเต็มแล้ว แถมยังทำให้เราเข้าใจเรื่องที่ครูสอนด้วย 36.ถ้าเจอครูเปิดบอท พูดไปเรื่อย ๆ เหมือนเปิดเทป ไม่สนใจนักเรียนว่ามีเขางอกออกมาแค่ไหนแล้ว ให้แก้ทางด้วยการเปิดบอทบ้าง พยักหน้าหงึก ๆ ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หมดคาบ 37.เสร็จแล้วก็ไปเรียนกวดวิชาแทน สบายใจดี เข้าใจง่ายกว่าด้วย 38.ผู้เขียนไม่ได้รับค่าสปอนเซอร์จากโรงเรียนกวดวิชาแต่ประการใด 39.การเรียนแต่ทฤษฎีบางครั้งก็ไม่เข้าใจถ่องแท้ ให้ทดลองปฏิบัติด้วย 40.คำกล่าวข้างต้นไม่แนะนำให้ใช้กับวิชาเพศศึกษา 41.การสอบถือเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตนักเรียน ควรเตรียมตัวให้พร้อม 42.ก่อนสอบให้อ่านหนังสือเยอะ ๆ 43.ถ้าบอกว่า อย่าอ่านหนังสือโป๊ จะขำมั้ยเนี่ย ..น่าจะแป้กนะ 44.เมื่อเจอเรื่องสำคัญ ๆ ให้หากระดาษมาจดแบบย่อ ๆ ไว้ด้วย ตอนใกล้สอบจะได้หยิบมาอ่านแทนหนังสือได้ 45.อย่าจดในกระดาษชิ้นเล็ก ๆ เขียนตัวหนังสือตัวเล็ก ๆ อันนั้นเค้าเรียก โพย ครับ 46.ปรมาจารณ์ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "เอาตัวรอดเป็นยอดดี" 47.เพราะงั้นการเอาตัวรอดจากการสอบด้วยเทคนิคระดับเทพก็ไม่น่าจะผิด!? 48.ไม่แนะนำให้โยนโพยกันดื้อ ๆ แอบสอดใส่กระดาษหุ้มยางลบแล้วส่งเหมือนเพื่อนขอยืมดีกว่า 49.ถ้าเลือกที่นั่งสอบได้ให้เลือกที่นั่งใกล้ ๆ คนเก่ง แล้วทวงมิตรภาพทั้งหลายแหล่จากเพื่อนคนนั้นซะ บอกมันไปว่าถ้าไม่ยอมช่วยจะกลืนเยลลี่ฆ่าตัวตายจริง ๆ ด้วย 50.การทุจริตในการสอบเป็นสิ่งไม่ดี ต่อให้ข้อสอบยากยังไงก็ไม่ควรทำ(บ่อย)เด็ดขาด!   ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
เรื่องทะลึ่งคลายเครียด18++
1. เซ็กส์ คือ คณิตศาสตร์: เอา 2 เรือนร่างบวกกัน ลบออกด้วยเสื้อผ้าหารด้วยท่อนขาแล้วคูณ ( ด้วยอะไรก็ไม่บอก) !!! 2. เด็กหญิง : "แม่คะ หนูรู้แล้วว่า ***จู๋ของเด็กข้างบ้านน่ะเหมือนเมล็ดถั่วเลย" แม่ : "หนูหมายถึงว่า มันเล็ก ใช่มั๊ยจ๊ะ" เด็กหญิง : "ไม่ค่ะแม่ มันเค็ม !!!" 3. คู่แต่งงานใหม่ๆ มักมีความสุขกับทุกสิ่ง (whole thing) เขามีความสุขกับรู(hole) และ เธอมีความสุขกับสิ่ง ( thing) 4. สถิติล่าสุด... ผู้ชายทำอะไรหลังมีเพศสัมพันธ์ ? 2% กิน , 3% สูบบุหรี่ , 4% อาบน้ำ , 5% หลับ , 86% ลุกขึ้นแต่งตัวและกลับบ้านไปหาเมียหลวง 5. " จูบ " คืออะไร? คือ การเตรียมตัวของช่วงบนเพื่อเตรียมการรุกรานของช่วงล่าง ซึ่งก่อให้เกิดการแทงทะลุและการเร่งเร้า ซึ่งก่อกำเนิดทายาทรุ่นต่อไป 6. ในรถไฟฟ้า ผู้ชายคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารก 3 คน ผู้หญิงที่นั่งข้างถามว่า "นั่นลูกคุณเหรอ ?" ผู้ชายตอบว่า "ไม่ใช่ ผมทำงานที่บริษัทผลิตถุงยางอนามัย และเด็กทารกพวกนี้คือคำร้องเรียน" 7. ห้าคำโกหกยอดฮิตของสุภาพสตรี 5.) ฉันเป็นสาวบริสุทธิ์ 4.) โอว์ มัน...ใหญ่จัง 3.) ฉันทำอย่างนั้นกับเพื่อนสนิทไม่ได้หรอก 2.) ฉันจะไม่เพิ่มน้ำหนักหลังจากแต่งงาน 1.) โอว์ ! จวนแล้ว...จวนแล้ว... 8. ทำไม***จู๋ถึงดีกว่าบัตรเครดิต ? 1.) หลังจากใช้ไปแล้ว มันรีชารจ์ได้ด้วยตัวมันเอง 2.) มันเป็นที่ยอมรับทั่วโลก 3.) ภรรยาคุณสามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่เธอต้องการ 9. ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหญิงสาวในบาร์ แล้วพูดว่า "คุณอยากเล่นกลมั๊ย" เธอถามว่า "อะไรเหรอ" เขาเสนอ "ไปที่บ้านผม ติ๋วติ้วกัน แล้วคุณก็หายตัวไป!!!" 10. อะไรที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า "ประจำเดือน" ของผู้หญิงมากที่สุด? ตอบ... "เงินเดือน" เพราะมันมาเดือนละครั้ง อยู่ครั้งละ 4-5 วัน ถ้าเดือนไหนมันไม่มา... คุณเริ่มมีปัญหา XxX http://www.tlcthai.com
กระตุ้นสมองแบบง่ายๆ เพื่อให้ ฉลาดเลิศ
กระตุ้นสมองแบบง่ายๆ เพื่อให้ "ฉลาดเลิศ" เราเคยเป็นอย่างนี้กันมาบ้างแล้ว ประเภทลืมส่งการ์ดอวยพรวันเกิดเพื่อน หรือจู่ ๆ ก็เกิดจำ รหัสกดเงินด่วนไม่ได้ตอนต้องการใช้เงินพอดี ไม่ก็เคยเดินวนเกือบ ทุกชั้นของ ลานจอดรถ พยายามนึกว่าตัวเองจอดไว้โซน F หรือ G เอ..มาคิดอีกที อาจจะเป็น H หรือไงนะ ข่าวดีข่าวด่วน นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเราจะ ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ ได้ถ้ากระตุ้นสมองถูกวิธี มาดูกันซิว่าทำอย่างไร อาการเผลอไผลได้นู่นลืมนี่เป็นที่พูดกันทีเล่นทีจริงว่าก็เซลล์สมองมันเก็บเสื้อผ้ายัด ใส่กระเป๋าทิ้งเรา ไปแล้วตั้งเยอะ เลยเป็นแบบนี้ ประมาณว่าแก่แล้วเป๋อเหลอนั่นเอง ทฤษฎีที่ว่าเราสูญเสียเซลล์สมอง หลายร้อยเซลล์ในแต่ละ วันเป็นเรื่อง ที่เรารู้กัน มานาน หลายปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรา จะโทษธรรมชาติไม่ได้อีกแล้ว เพราะนักวิทยาศาสตร์ หลายคนโดดออกมาประกาศก้องว่า ทฤษฎีเก่าที่ว่าเมื่ออายุ มากขึ้น ศักยภาพของ สมองมนุษย์ ์จะลดลง เป็นความคิดล้าสมัย ความจริงคือ ตรงกันข้ามสิไม่ว่า นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ความจริงว่าไม่เพียงแต่เราจะไม่สูญเสีย เซลล์สมองเมื่อ สูงวัยขึ้น เท่านั้น แต่ถ้ามีการกระตุ้นที่ถูกต้อง เราสามารถพัฒนาสมองให้ ฉลาดและคิดได้เร็วขึ้น เราอาจจะ กลายเป็นนักเขียนและเกิดไอเดียแปลกใหม่ มากขึ้นเมื่อแก่ตัวลง ทุกอย่างอยู่ที่ว่า จะ สร้างเซลล ์สมองได้อย่างไร เซลล์แต่ละเซลล์ทำงานเป็นระบบโดยตัวมันเอง แต่ก็ พยายามเพิ่ม ศักยภาพ ของตัวเอง ด้วยการเชื่อมต่อ กับเซลล์ข้างเคียง โดยแตกกิ่งก้าน สาขาออกไปรอบ ด้านเหมือนเครือข่าย ซึ่งการเชื่อมต่อนี้เรียกกันว่า synapses และจะโยงใย ไปยังเซลล์อื่น ๆ จุดเชื่อมต่อแต่ละจุดมีลักษณะเหมือน ปากปลาหมึก ทำหน้าที่จูจุ๊บ ข้างในบรรจุด้วยสารเคมีต่าง ๆ หลายพันตัว เมื่อเราคิดหรือทำอะไร จะทำให้เกิดการกระตุ้นสารเคมีเหล่านี้ ที่มีภาวะแบบ แม่เหล็กไฟฟ้า การกระตุ้นดังกล่าวจะส่งผ่านไปยังจุดเชื่อมต่อของเซลล์ใดเซลล์หนึ่ง และส่งสารข้ามไปยังจุดเชื่อมต่อ ของเซลล์ข้างเคียงที่ใช้ปากจูจุ๊บรับข่าวสารไป เคยคิดกันว่าความสามารถของสมองคนเราถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด จะฉลาดหรือ โง่แต่เกิด ก็แล้วแต่ แต่การค้นพบล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ยิ่งกระตุ้นสมองมากเท่าไหร่ จุดเชื่อมต่อ ของเซลล์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงแต่ละเซลล์จะสามารถประมวล สัญญาณหรือ ส่งซิกแนลได้หลายทิศทางมากขึ้น และรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม การกระตุ้น สมอง ยังให้ผลข้างเคียงในทางบวกอีกด้วย และส่งผลกระทบ ต่อชีวิตด้านอื่น ๆ ของคุณได้ เพราะเซลล์สมองทำงานร่วมกัน การกระตุ้นเซลล์บางเซลล์ให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ช่วยให้สมองทำงานเร็วขึ้น ดังนั้นการฝึกเล่นเปียโนหรือเริ่มหัดกอล์ฟ อาจทำให ้คุณคิดคำศัพท์เร็วขึ้น เวลาเล่นเกมอักษรไขว้ หรือพูดต่อหน้าผู้คน หรือแม้แต่กระทบ ทักษะด้านอื่น ๆ ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลย ออกกำลังบำรุงสมองได้อย่างไร ไม่เพียงต้องบริหารจิตใจเพื่อให้สมองเฉียบคมเสมอเท่านั้น การออกกำลังทาง ร่างกายก็สำคัญไม่แพ้กัน แพทย์พบว่าคนที่ออกกำลังสม่ำเสมอจะทำคะแนน ได้ดีในการทดสอบจิตใจ สมองก็คือกล้ามเนื้อส่วนหนึ่ง เมื่อคุณออกกำลังก็ทำให้ สมองสามารถจัดการปัญหาซับซ้อนและทำงานได้มากขึ้น อาจเป็นเพราะว่าการ ออกกำลังอย่างต่อเนื่องเพิ่มประสิทธิภาพการส่งผ่านออกซิเจนไปทั่วร่างกาย นอกจากนี้ร่างกายท ี่ออกกำลังเป็นประจำ จะมีปริมาณเลือดมากกว่า ปกติครึ่งลิตร สำหรับช่วยขัดหาออกซิเจนเพื่อทำงาน การออกกำลังสม่ำเสมอจึงช่วยได้ดี   การกระตุ้นสมองแบบง่ายๆ เพื่อให้ "ฉลาดเลิศ โมสาร์ทเพิ่มไอคิวให้คุณได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อกันแล้วว่า การฟังดนตรีบางชนิด สามารถทำให้ เราฉลาดขึ้นได้ นักฟิสิกส์ได้ทำการศึกษาปฏิกิริยาตอบโต้ ของสมองระหว่าง ทำงานที่ให้เหตุผลทางนามธรรม และพบรูปแบบของปฏิกิริยาที่คล้ายกับดนตรี เขาทดลองต่อไปว่าหาก จัดการฝึกฝน ด้านดนตรี เขาทดลองต่อไปว่า หากจัดการ ฝึกฝนด้านดนตรีแก่เด็ก ๆ จะปรับปรุง ทักษะการให้เหตุผลของพวกเขา ได้หรือเปล่า ผลเบื้องต้นออกมาทางบวก คือหลังจาก 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน ของการเล่าเรียน ทักษะ การให้เหตุผล ของเด็กพัฒนาขึ้นมาก จากผลที่ได้นี้ นักวิจัยตัดสินใจ วิเคราะห์ว่า จะเกิดอะไรขึ้น กับผู้ใหญ่เมื่อได้ฟังดนตรี นักวิจัยขอให้อาสาสมัคร ฟังบทเพลง 2 ชิ้น คือโซนาต้าบรรเลงเปียโนของโมสาร์ท และเทปเพลงฟังสบาย ๆ สร้างบรรยากาศอีกม้วน กับให้นั่งอยู่ในความเงียบ จากนั้นให้ อาสาสมัคร ทำแบบทดสอบการ ให้เหตุผล ผลที่ได้ระบุว่าเพลงของโมสาร์ท ช่วยให้พวกเขา คิดถูก ต้องและรวดเร็วขึ้น และการทดสอบอีกหลายชิ้นที่แสดง ให้เห็นว่าเพลงของโมสาร์ทมีผลกระทบที่ดีที่สุด ต่อทักษะการให้เหตุผล โดยนักวิทยาศาสตร์อ้างว่าเราเกิดมาพร้อม รูปแบบของ ธรรมชาติ บางอย่างในสมองของเราที่สามารถรู้สึกตื่นเต้นได้ และเมื่อเราได้ฟัง ดนตรีของโมสาร์ท ทำให้เราพอใจ เพราะรูปแบบธรรมชาตินั้นรู้สึกตื่นเต้นอย ู่ในสมองของเราเมื่อเรา ได้ฟังดนตรีของเขา ป้อนจินตนาการให้โลดแล่น น้ำนมของมนุษย์ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองทารก ส่วนน้ำนมวัวที่อุดม ด้วยโปรตีน มีไว้สำหรับร่างกาย และเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัว ที่มีแต่จะทำให้น่องเรา ใหญ่และ แข็งแรง ตรงข้ามกับน้ำนมมนุษย์ ที่แม้จะมีโปรตีน และไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า แต่ก็มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวจำนวนมาก และกรดไขมันเหล่านี้บางตัวเมื่อรวมกับสารอื่น ๆ ที่เรียกว่า cerebroside สำหรับสร้างเนื้อเยื่อ ของประสาทและสมอง ซึ่งร่างกายมนุษย์ต้องการ เพราะสมองของมนุษย์เติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปี หลังคลอด ขณะที่สมองของวัวแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง พูดสั้น ๆ ก็คือว่าน้ำนมมนุษย์สร้าง สมองให้ใหญ่ แต่น้ำนมวัวทำให้ร่างกายใหญ่เท่านั้น เกร็ดความรู้ว่าด้วยสมอง จากการวิจัยพบว่าผู้ที่มีการศึกษาสูง หรือผู้ที่ลับสมองประลอง ปัญญา ตัวเองบ่อย ๆ จะอายุยืนกว่าผู้ด้อยการศึกษา ในเวลาแค่ 1 นาที สมองสามารถรับความคิดได้หลายอย่าง ขณะที่เมื่อ เทียบกันแล้ว ความสามารถนั้นต้อง อาศัยซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ยักษ์ ความสามารถเลิศล้นที่คงอีก 100 ปี จึงผลิตสำเร็จ ยินดีด้วยจ้า จากการศึกษาทางเคมีของสมองเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยใช้เครื่องสแกนสมอง ศึกษาผู้ร่วมทดลองอายุตั้งแต่ 21-83 ปี พบว่าสมองของคนชรา ที่มีสุขภาพดี ยังคึกคัก และมีประสิทธิภาพเท่ากับ สมองของคนหนุ่ม ที่มีสุขภาพดี ผลทดลองประเมินจาก การทำงานของการเปลี่ยนแปลง เซลล์สมองโดยตรง จากการวิจัยอีกนั่นแหละ พบว่าการที่จะทำจิตใจให้เข้มแข็งได้นั้น เราต้องกระตือรือร้นพาตัวเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน หรือทำอะไร ก็แล้วแต่ ที่ท้าทายสติปัญญา จะสามารถกระตุ้นให้สมองเติบโตได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ทายปัญหา เริ่มเรียนเล่นดนตรีสักชิ้น ซ่อมอะไร สักอย่าง ลองทำงานศิลปะ เต้นรำ ลองลงแข่งเล่นกีฬา หรือแข่ง เล่นเรือใบ และควรจำว่านักวิจัยต่างเห็นพ้องกัน ว่าไม่มีคำว่า สายเกิน ไป ตลอดชีวิตเรา น่าจะเป็นการเรียนรู้ หาประสบการณ์เพราะ เรากำลัง ท้าทายสมองของตัวเอง และผลที่ได้คือเพิ่ม รอยหยักให้สมองนั่นเอง กระตุ้นสมองแบบง่ายๆ เพื่อให้ "ฉลาดเลิศ ฝึกสมอง ลองปัญญา ฟังเพลงคลาสิก โดยเฉพาะเพลงของโมสาร์ท เฮย์เดน บาค บีโธเฟ่น มาห์เลอร์ และสตราวินสกี้นึกฝันถึงเรื่องท้าทายแปลกใหม่ ที่เป็นจริงได้ แต่เป็นเป้าหมายที่สูงสักหน่อย สำหรับตัวเอง อาจจะเกี่ยวกับงาน อดิเรกใหม่ ๆ หรืออาชีพใหม่ หรือหาความรู้ใหม่ ๆ ใส่ตัว และฝึกเล่นกีฬาที่ไม่เคยเล่น ลองเรียนเต้นรำ เรียนภาษาอีกสักภาษา หรือจะเรียนระบายสีน้ำ หรืออะไรก็ได้ที่ คุณชอบ สำคัญอยู่ที่ต้องกระตุ้นสมองคุณอย่างสร้างสรรค์ ฝึกบริหารจิตใจ เช่น เล่นหมากรุก ไพ่ นกกระจอก เกมรูบิก หรือไพ่ เพราะช่วยฝึกสมองของคุณ ให้แก้ปัญหา เล่นเกมใบ้คำ หรือเล่นเกมอักษรไขว้ทุกวันในหนังสือพิมพ์ กระตุ้นสมองด้วยวิธีใหม่ ๆ เริ่มด้วยการตั้งสติพยายามจดจำชื่อของคนที่คุณเพิ่งรู้จัก พยายามเชื่อมรูปร่าง หน้าตาของเขากับชื่อให้ได้ หรือหาจุดเด่นและส่วนที่จำง่ายของเขาไว้สัก อย่างเพื่อช่วยให้คุณนึกชื่อเขาออก อาหารสมองกับการออกกำลังเสริมคุณภาพ ดื่มน้ำ 8 แก้วทุกวัน ส่วนกาแฟและดื่มชาสักหน่อยก็พอจะได้แต่ควรเลี่ยงน้ำตาล กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยเฉพาะเครื่องใน เช่นตับและไต เพราะให้สารอาหาร พวกโปรตีน คาร์โบไฮ เดรท แร่ธาตุเหลว วิตามันและกรดไขมันบางชนิดที่จำเป็น ต่อการฟื้นฟูสภาพของเซลล์ และการหมุนเวียนแร่ธาตุ ถ้ากินมังสวิรัติก็ให้กินถั่ว เมล็ดข้าวไม่ขัดขาว (ข้าวซ้อมมือ) และใบผักให้มาก ๆ เพราะอาหารเหล่านี้อุดม ด้วยกรดไขมันที่สำคัญมากมาย กินเนื้อปลา รวมทั้งเนื้อ ปลาติดมัน เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ซึ่งอุดมด้วยกรดไขมันที่ร่างกาย ต้องการ กินผักให้หลากหลาย เพราะเป็นแหล่งอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด รวมทั้งมีไฟเบอร์ และกรมไขมันที่ สำคัญมาก กินไขมันอิ่มตัวให้น้อยเข้าไว้ แม้จะมีวิตามิน ให้คุณค่าและ ความเอร็ดอร่อยก็ตาม แต่หน้าที่หลักของไขมันอิ่มตัว คือพลังงานสำหรับร่างกายล้วน ๆ เลี่ยงน้ำตาลและ อาหารสำเร็จรูป แม้ว่าร่างกายเราจะใช้น้ำตาล (กลูโคส) เป็นพลังงาน แต่ก็ชอบ ผลิตเอาเองจากอาหารที่เรากินเข้าไปมากกว่า ซึ่งช่วยรักษาระดับน้ำตาล ในเลือด ที่เหมาะสมไว้ด้วย การใส่น้ำตาลเพิ่มมากเกินไปในอาหารจะทำลายกลไกนี้ ออกกำลังสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ประมาณครั้งละ 10-30 นาที ถ้าเบื่อเข้ายิม ก็ลองเดินเร็ว จ็อกกิ้ง เต้นรำ ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำแทน สมัคร ชมรมว่ายน้ำ หรือชมรมเทนนิส หรือจะเป็น สมาชิกศูนย์กีฬาก็ได้ เพราะการโต ้ตอบสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ แบบทันทีทันใด ช่วยกระตุ้นสมองได้ดี สังเกตความสัมพันธ์ ระหว่างอาหารที่คุณกินกับการทำงาน ของสมองว่าเป็นอย่างไร กินอาหารเช้าเป็น ประจำและเลี่ยงงานสังสรรค์ ที่มีของมึนเมาด้วย ขอบคุณ คุณอี่ กลุ่ม 29 อัพ ที่กรุณาให้ข้อมูล และ http://www.kunkroo.com/brain.html
นครบาลเผย 16 จุดเสี่ยงน้ำท่วม กทม.ชั้นใน
กองบัญชาตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เฝ้าระวังพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออกทั้ง 4 เขต ได้แก่ เขตคลองสามวา เขตหนองจอก เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบัง ส่วนพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดน้ำท่วมขังสูง 1-2 เมตร มี 6 เขต คือ เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา และเขตสาทร เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ พร้อมกันนี้ยังได้คาดการณ์ว่า ในพื้นที่ฝั่งธนมีแนวโน้มที่จะเกิดน้ำท่วมขัง 17 จุด คือ ตลิ่งชัน อรุณอัมรินทร์ บางพลัด บางขุนนนท์ บางขุนศรี จอมทอง บางปะกอกใน ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน บอกกอกใหญ่ บางกอกน้อย ธนบุรี บางแวกใน ภาษีเจริญ หลักสอง บางแค บางแคเหนือ และบางบอน         ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นในที่มีความเสี่ยงว่าจะโดนน้ำท่วมมี 16 จุดด้วยกัน คือ        1. เขตสาทร ย่านถนนจันทร์ เซนต์หลุยส์ สาธุประดิษฐ์        2. เขตพญาไท ถนนพหลโยธิน ช่วงคลองสามเสน-คลองบางซื่อ        3. เขตพระโขนง ถนนสุขุมวิท จากคลองพระโขนง-ซอยลาซาล        4. เขตวัฒนา ซอยสุขุมวิท 39 และ 49        5. เขตวังทองหลาง ถนนลาดพร้าว จากคลองลาดพร้าว-ห้างเดอะมอลล์        6. เขตบึงกุ่ม ถนนนวมินทร์ จากคลองดอนอีกา-แยกถนนประเสริฐมนูกิจทั้งสองฝั่ง        7. เขตดินแดง ถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างโรบินสัน        8. เขตจตุจักร ถนนรัชดาภิเษก แยกลาดพร้าว        9. เขตราชเทวี ถนนเพชรบุรี จากถนนบรรทัดทอง-แยกราชเทวี        10.เขตราชเทวี ถนนนิคมมักกะสัน        11.เขตราชเทวี ถนนพระรามที่ 6 หน้าตลาดประแจจีน        12.เขตบางแค ถนนเพชรเกษม ซอย 63 (ซอยวัดม่วง)        13.เขตยานนาวา ถนนเย็นอากาศ จากถนนนางลิ้นจี่-ซอยศรีบำเพ็ญ1        14.เขตประเวศ ถนนศรีนครินทร์ ช่วงคลองตาสาด-คลองตาช้าง        15.เขตพระนคร ถนนสนามไชยและถนนมหาราช        16.เขตดอนเมือง ประกอบด้วยแขวงทุ่งสองห้อง แขวงทุ่งสีกัน แขวงดอนเมือง http://www.manager.co.th
ศปภ.แถลงคำสั่งนายกฯให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำ - ยันคลองประปาใกล้กลับสู่ปกติ
ศปภ.แถลงคำสั่งนายกฯให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเร่งผลักน้ำลงสู่เจ้าพระยา โวระดับน้ำจากนครสวรรค์ โรจนะ ระพีพัฒน์อยู่ในระดับทรงๆ และมีแนวโน้มลด ระบุคลายกังวลทะเลหนุนช่วง 28 - 30 ต.ค. ได้ มั่นใจเจ้าพระยาไม่เกินคันกั้นน้ำของกทม.  ส่วนกรณีคลองประปาล้น ใกล้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว                 วันนี้ (21 ต.ค.) เวลาประมาณ 21.30 น. นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา โฆษกศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ได้อ่านประกาศคำสั่งฉบับที่ 19 / 2554 เรื่องให้กรุงเทพมหานครบริหารจัดการน้ำจากพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยร้ายแรงไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 ประกอบกับมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย พ.ศ.2550 นายกฯมีคำสั่งดังต่อไปนี้                  1.ให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อรองรับการระบายน้ำจากกรมชลประทาน ให้ผ่านระบบสูบน้ำของกรุงเทพมหานครไปยังเจ้าพระยา โดยให้คำนึงถึงระดับน้ำที่เหมาะสม และอยู่ในระดับที่ไม่ท่วมท้นจนสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้พิจารณาจากความเหมาะสมตามสถานการณ์                2.ให้มีคณะกรรมการร่วมระหว่างกรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน และคณะทำงานที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายกฯ ที่ 18 / 2554  เพื่อกำกับและระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด                3.ให้รายงานผลการดำเนินการให้แก่นายกฯ และศปภ. ทราบทุกวัน ทั้งนี้ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความถี่ในการรายงาน ให้คกก.ดังกล่าวรายงานทุก 2 ชั่วโมง                คำสั่งของนายกฯที่ฉบับที่ 20 /2554  เรื่องให้กรมชลประทานระบายน้ำจากคลองระพีพัฒน์แยกตะวันตกสู่ทะเลอ่าวไทย ตามความในมาตรา 31 ประกอบกับมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย พ.ศ.2550 นายกฯมีคำสั่งให้กรมชลประทานดำเนินการ ดังต่อไปนี้                  1.เปิดประตูระบายน้ำในคลอง 2 - 13 เพื่อให้ระบายน้ำลงสู่ทุ่งคลองรังสิตตอนเหนือ                2.เปิดประตูระบายน้ำในคลอง 6- 16 ฝั่งใต้ เพื่อระบายน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ลงสู่คลองหกวาสายล่างและคลองแสนแสบ                3.เร่งสูบและหรือเร่งผลักดันน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองหกวาล่าง คลอง 20 คลอง 21 คลองบางขนาบ ลงสู่แม่น้ำนครนายกฯ และแม่น้ำบางปะกง                4.เร่งสูบและหรือเร่งผลักดันน้ำ ในคลอง 13 และคลองต่างๆที่อยู่ในพื้นที่หลากน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ชายฝั่งทะเล                5.รายงานผลการดำเนินการให้กับนายกฯ และศปภ. ทราบทุกวัน ทั้งนี้ในกรณีฉุกเฉิน ให้เพิ่มความถี่ในการรายงานเป็นทุก 2 ชั่วโมง                6.สามารถพิจารณามาตรการเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและจำเป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด                ทั้งนี้ให้ดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป                จากนั้นนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์  ได้รายงานสถานการณ์ว่า สิ่งที่พี่น้องกังวลว่าทำไมเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ยังระบายน้ำมา ก็เนื่องจากเขื่อนภูมิพลมีน้ำเต็ม จึงต้องเร่งระบาย ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ก็ระบายอย่างต่อเนื่อง ความจริงแล้วปริมาณก็เท่ากับเมื่อวาน คือเขื่อนภูมิพลวันละ 60 ล้านลบ.ม. สิริกิติ์ 10 ล้านลบ.ม. แต่ไม่ต้องกังวลเพราะปริมาณน้ำนี้กระทบต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างน้อยมาก เนื่องจากน้ำที่นครสวรรค์ มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทุกจังหวัดใต้เขื่อนเจ้าพระยาลงมา ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ สิ่งที่พ่อแม่พี่น้องกังวล ก็ขอให้คลายกังวล                ปริมาณน้ำที่ท่วมบริเวณนครหลวงหรือนิคมโรจนะ วันนี้ระดับน้ำทรงๆ แถมมีแน้วโน้มจะลดลงด้วย ส่วนน้ำที่ระพีพัฒน์แยกตกปริมาณน้ำมีมากก็จริง แต่จากการติดตามระดับน้ำมีระดับทรงๆ และมีแนวโน้มลด แปลว่าน้ำที่ไหลมาตามคลองต่างๆที่เปิดตั้งแต่คลอง 2 - 10 มีปริมาณน้ำเข้ามาตามระบบ รวมทั้งปริมาณน้ำจากคลองระพีพัฒน์แยกตกขาด ปริมาณ 120 เมตร ซึ่งวัดปริมาณน้ำที่ผ่านมาอยู่ที่ 170 ลบ.ม.ต่อวินาที เท่ากับเมื่อวาน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กรมชลประทานคาดการณ์                น้ำทั้งหมดนี้จะอยู่ในทุ่งรังสิตเหนือ ขณะนี้ท่วมขังเฉลี่ย 10 ซ.ม. น้ำเหล่านี้จะไหลมาสู่คลองรังสิต ซึ่งจากคลองรังสิตระบายสู่คลองหกวาสายล่าง แล้วเร่งสูบน้ำออกทั้ง 2 ฝั่ง                ส่วนที่กังวลว่าวันที่ 28 - 30 ต.ค. น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกรอบหนึ่ง ขณะนี้เราได้วางแผนบริหารจัดการ ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 22-25 ต.ค. จะเปิดประตูน้ำพระนารายณ์ รับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์แยกใต้มากขึ้น เพื่อลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักฯ ที่จะไปสมทบแม่น้ำเจ้าพระยา        วันที่ 25 ต.ค. จะลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯให้เหลือ 100 ลบ.ม.ต่อวินาที วันที่ 26 ต.ค.จะปิดเขื่อนพระราม 6 เพื่อไม่ให้น้ำมาสมทบข้างล่าง และรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ ฉะนั้นตั้งแต่วันที่ 26 ระดับน้ำท้ายเขื่อนป่าสักฯก็จะมีระดับลดลง ขณะเดียวกันน้ำที่ค้างอยู่นครหลวง หรือบริเวณโรจนะก็จะลดลงตามไปด้วย                จากการปฏิบัติดังกล่าว น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะลดลง ช่วงน้ำทะเลหนุนก็จะไม่เกินระดับคันกั้นน้ำของกทม. จะอยู่ที่ 2.3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง และจะทำให้น้ำที่โรจนะลดตามด้วย น้ำที่จะมาสมทบที่คลองระพีพัฒน์แยกตกก็จะลดลงด้วย ขอให้คลายกังวล สบายใจขึ้น                ต่อจากนั้นนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ  รมว.โนโลยีและสารสนเทศ  ได้กล่าวถึงกรณีน้ำในคลองประปาเพิ่มสูงขึ้นและล้นตลิ่งเข้าท่วมดอนเมือง หลักสี่ พบสาเหตุเกิดจากการที่พนังกั้นน้ำบริเวณคลองบางหลวงชำรุด ซึ่งต้นทางขณะนี้ได้แก้ไขแล้ว โดยชะลอน้ำจากคลองบางหลวงที่จะเข้าสู่คลองประปา                และเพิ่มการสูบน้ำจากคลองประปา ลงสู่คลองบางเขน บางซื่อ สามเสน ซึ่งจะทำให้น้ำในคลองประปาลดลงและกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด และปัจจุบันก็เริ่มกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ส่วนน้ำที่ท่วมขังจะเร่งระบายให้เร็วที่สุด พร้อมขอย้ำเรื่องคุณภาพน้ำประปา วันนี้ผู้ว่าการประปาก็ยืนยันแล้ว ว่าคุณภาพน้ำประปายังสามารถใช้น้ำประปาได้อย่างมีคุณภาพเหมือนเดิม                ขณะที่พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้สินธิกำลังจากกำทัพบก ทัพเรือ และตำรวจ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยการนำเรือท้องแบนขนย้ายผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและคนชรา รวม 3.3 พันคน และได้นำมาศูนย์พักพิงที่ดอนเมือง และอาคารเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ นอกจากนี้ ทางส่วนหน้าอนุญาติให้ประชาชนสามารถเดินทางเพื่อกลับเข้าไปดูบ้านได้ แต่บางจุดห้ามเด็ดขาดเนื่องจากมีระดับนํ้าที่ลึก                โดยทั้ง 2 ศุนย์ได้รับผู้อพยพเต็มแล้ว แต่ได้มีการประสานไปยังเคหะที่จ.สมุทรปราการ ให้เปิดแฟลต 5 ชั้น ซึ่งสามารถรองรับได้ 3.1 พันคน และยังได้ประสานไปยังเคหะ อาทิ หนองจอก ให้เปิดรับประชาชนที่เดือดร้อนสามารถขอเข้าพักอาศัยได้ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนสามารถต่อสายตรงเคหะ 1615 หรือศูนยประชาบดี 1100 และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) 1111 กด 5 ตลอด 24 ชั่วโมง                ส่วนประชาชนที่นำรถไปจอดกีดขวางทางจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการยกไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ ทางที่ดีให้เขียนหมายเลขโทรศัพท์ติดไว้ที่รถ เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 >>
รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา