หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ  
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย
หมอชิตหวั่นน้ำท่วม เล็งย้ายไปสุวรรณภูมิ
(3 พ.ย.) นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กก.ผจก.บ.ขนส่ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการย้ายหมอชิตออกจากพื้นที่เพราะต้องการประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน แต่เป็นการเตรียมแผนหากเกิดเหตุสุดวิสัยเช่นกรณีของสายใต้ใหม่ ซึ่งหากต้องย้ายจริงจะใช้เวลาภายในครึ่งวันดำเนินการ โดยณะนี้เป็นการเตรียมแผน ก็ตระเวนหาพื้นที่ซึ่งดูหลายแห่งรวมทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้การเลือกที่ใดก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายด้วย ซึ่งเย็นนี้จะสรุปหากเหตุการณ์ และจะพิจารณาอีกครั้ง สิ่งที่พบขณะนี้คือโดยรอบหมอชิตอาจมีปัญหาเรื่องการเดินทางเข้าสถานี การพิจารณาย้ายหมอชิตเราต้องการข้อมูลมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ส่วนการเดินทางของประชาชนช่วงนี้เป็นปกติ เหมือนการเดินทางทั่ว ๆ ไป http://news.sanook.com
น้ำทะลักไหลท่วม ถ.เพชรเกษม แล้ว
น้ำจากพื้นที่พุทธมณฑลสาย 2-สาย 5 ได้ไหลท่วมถึงพื้นที่ถนนเพชรเกษมแล้ว ซึ่งนอกจากน้ำจากคลองสาขาคลองทวีวัฒนาที่สูงล้นคันกั้นน้ำ ยังได้รับผลกระทบจากน้ำค้างทุ่ง และ น้ำที่ไหลมาตามท่อระบายน้ำด้วย ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งเชื่อมต่ออำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า น้ำขยายวงท่วมเข้าไปจนถึงบริเวณถนนเพชรเกษม และ ได้ขยายพื้นที่ท่วมจากเมื่อวานอยู่ที่สถานีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอ้อมน้อย วันนี้ ( 3 พ.ย.) น้ำได้ขยายวงไปถึงบริเวณสะพานคลองตัน และ มีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำจะท่วมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะรับน้ำจากถนนพุทธมณฑลสาย 5 แล้ว ถนนเพชรเกษมยังรับน้ำจากถนนพุทธมณฑลสาย 2 สาย 3 และ สาย 4 รวมถึงการรับน้ำจากคลองสาขาคลองทวีวัฒนาที่ล้นคันกั้นโดยตรงแล้ว ยังมีน้ำที่ผุดขึ้นตามท่อ และ น้ำที่ไหลมาตามทุ่งอีกด้วย http://news.sanook.com/1068856/น้ำทะลักไหลท่วม-ถ.เพชรเกษม-แล้ว/
สธ.สั่งเซรุ่มพิษงูแมมบ้าถึงไทยพรุ่งนี้
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ ให้นำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูเขียวแมมบ้าแล้ว แม้ประเทศไทยไม่เคยมีรายงานพบผู้ป่วยถูกงูชนิดนี้กัดก็ตาม แต่จากข่าวว่ามีงูดังกล่าวหลุดมาย่านบางกรวย ซึ่งเป็นงูที่มีพิษร้ายแรง และไม่มีเซรุ่มแก้พิษ หากถูกกัดจะเสียชีวิตภายใน 20 นาที จึงจำเป็นต้องสำรองทางรอดหากเกิดเหตุร้ายที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งคาดว่าเซรุ่มที่สั่งไปจะส่งถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย. 54) สำหรับเซรุ่มแก้พิษงูอื่นๆ กระทรวงสาธารณสุขสำรอง ไว้แล้ว 7 ชนิด ตามชนิดของงูที่พบบ่อยในภูมิภาค ทั้งงูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ รวม 3,500 ขวด http://news.sanook.com
ยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมกดเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ 4-30 พ.ย.
สมาคมธนาคารไทยโดยมีธนาคารพาณิชย์ 15 แห่งเป็นสมาชิกสมาคมได้ตกลงที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มข้ามเขตทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4-30 พ.ย.นี้ ก่อนหน้านี้สถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบเส้นทางสายเหนือ มีรายงานว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น และ เริ่มซ่อมแซมถนนแล้ว เช่นเดียวกับถนนสายเอเชีย สามารถใช้งานได้บางส่วน นอกจากนี้สมาคมธนาคารไทยโดยมีธนาคารพาณิชย์ 15 แห่งเป็นสมาชิกสมาคมได้ตกลงที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มข้ามเขตทั้งประเทศที่เครื่องของธนาคารเดียวกัน และ จากเครื่องต่างธนาคารตั้งแต่วันที่ 4-30 พ.ย.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ประสบอุทกภัย และ ต้องย้ายไปอยู่นอกพื้นที่ แต่ในส่วนของการโอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มต่างธนาคารยังต้องเสียค่าธรรมเนียมอยู่
น้ำถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้ว เอ่อท่วมหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว
(4 พ.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่ามวลน้ำจาก ถนนวิภาวดีรังสิต ​ได้​ไหลมา​ถึงบริ​เวณห้า​แยกลาดพร้าว ทำให้น้ำเข้าท่วมถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า เรื่อยมาจนถึงแยกลาดพร้าวถูกน้ำท่วมแล้ว โดยระดับน้ำสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร และน้ำจากถนนวิภาวดีรังสิต ยังเริ่มเอ่อท่วมมายังถนนหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ฝั่งถนนพหลโยธินอีกด้วย ส่วนถนนวิภาวดีขาออก น้ำได้ท่วมถึงหน้ากระทรวงพลังงาน และบริเวณด้านหน้าบริษัท ปตท. สำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศปภ.แห่งที่ 2 โดยระดับน้ำสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำถนนทางลงจากโทลล์เวย์สูงกว่าถนนปกติประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้รถสามารถเดินทางเข้าออก​ ศปภ.ได้ นอกจากนี้น้ำยังไหลบ่ามาถึงถนนที่จะเลี้ยวซ้ายไปจตุจักรอีกด้วย ส่วนน้ำที่หลากมาตามถนนรัชดาภิเษก เริ่มมาถึงบริเวณโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค แล้ว ส่วนแยกรัชโยธิน ถึงซอยรัชดาภิเษก 42 ระดับน้ำสูงฟุตบาธ ขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ @Jomquan , @ittipat pinrarod ภาพชุดน้ำท่วม 5 แยกลาดพร้าว http://news.sanook.com/1068980/น้ำถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้ว-เอ่อท่วมหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว/
เขตจตุจักรประกาศให้4แขวงเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน ลาดยาว เสนานิคม จตุจักร จันทรเกษม
นายอิศราเมศร์ คชานุกุลย์ ผู้อำนวยการเขตจตุจักรแจ้งว่าได้ประกาศให้4แขวงของเขตจตุจักรเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ได้แก่แขวงลาดยาว เสนานิคม แขวงจตุจักร แขวงจันทรเกษม ส่วนอีก1แขวงที่ต้องเฝ้าระวัง24ชั่วโมงได้แก่แขวงจอมทอง http://www.matichon.co.th
หน้าราชภัฏจันทรเกษม-ศาลแขวงฯ เริ่มมีน้ำท่วมขังแล้ว รถยังสัญจรได้
วันที่4พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ถนนรัชดาภิเษกในขณะนี้ว่า ได้มีน้ำได้ผุดออกจากท่อเอ่อท่วมเป็นจุดๆ แล้ว โดยเฉพาะบริเวณหน้าปากซอยเสือใหญ่ หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ซอยอาภาภิรมย์ หน้ากรมส่งออก ระดับน้ำประมาณ 10 ซ.ม. เช่นเดียวกับฝั่งขาออก ก็มีน้ำเอ่อเข้าท่วมบริเวณหน้าสถาบันข้าราชการตุลาการ หน้าศาลแขวงพระนครเหนือ หน้าศาลอุทธรณ์ ศาลแพ่ง เช่นกัน ล่าสุดปริมาณน้ำสูง 5-10 เซนติเมตร ขณะที่ หน้าศาลอาญาและหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ยังไม่มีน้ำ โดยรถยนต์ยังสามารถใช้การได้อย่างเป็นปกติ http://www.matichon.co.th
สุขุมพันธุ์ยันพร้อมร่วมมือศปภ.ป้องกรุงเทพฯส่วนที่เหลือรอดน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ว่า  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปที่สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ที่ดินแดง พบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อรับทราบข้อมูลการระบายน้ำของ กทม. โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันกับคณะของนายกรัฐมนตรีว่า จะสนับสนุนการทำงานของ ศปภ. และพร้อมให้ความร่วมมือกับ ศปภ.ทุกทาง ในการปกป้องกรุงเทพมหานครส่วนที่เหลือไม่ให้ถูกน้ำท่วมเท่าที่ทำได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญจึงอยากสอบถามและรับฟังข้อมูลการระบายน้ำของ กทม. เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกัน ทั้ง ศปภ.และ กทม.\ http://www.matichon.co.th
เขื่อนสิริกิติ์ เผยมวลน้ำกว่า16,000ล้านลบ.ม. ไม่ใช่การพร่องน้ำแต่อย่างใด
วันที่4พ.ย. นายธนรัชต์ ภูมิมะกสิกร ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ระบุถึงกระแสข่าวที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล จนทะลักเข้าท่วมพื้นที่กทม. โดยเฉพาะมวลน้ำปริมาณ 16,000 ล้าน ลบ.เมตร ว่า ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานจากกรมชลประทานถึงการระบายน้ำออกจากเขื่อนอย่างเป็นระบบและให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และเป็นที่ทราบว่า แม่น้ำเจ้าพระยามีแม่น้ำสายหลักไหลไปรวมกัน โดยมีเขื่อนทั้ง 2 กั้น มีเพียงแต่แม่น้ำยมที่ไม่มีเขื่อนคอยเก็บกักน้ำ     สำหรับสถานการณ์น้ำที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ปัจจุบัน อยู่ที่ร้อยละ 99.81 สามารถรับน้ำได้อีก 18 ล้าน ลบ.เมตร แต่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าลดลงอย่างต่อเนื่องวันละ 16 ล้าน ลบ.เมตร ปล่อยน้ำออกวันละ 18 ล้าน ลบ.เมตร จึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำยังคงทรงตัว ไม่ล้นประตูระบายน้ำแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายธนรัชต์ ยังกล่าวอีกว่า ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเขื่อนสิริกิติ์รับน้ำสูงสุดวันละ 65 ล้าน ลบ.เมตร และต่ำสุดวันละ 10 ล้าน ลบ.เมตร ปัจจุบันอยู่ที่วันละ 18 ล้าน ลบ.เมตร โดยจะควบคุมการพร่องน้ำไม่ให้เกินปริมาณที่กรมชลประทานกำหนด รวมปริมาณน้ำ 2 เขื่อนที่ระบายออก 3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,000 ล้าน ลบ.เมตร ดังนั้น มวลน้ำมหาศาลที่กำลังท่วมขังในภาคกลางและกทม.ขณะนี้ มีมากถึง 16,000 ล้าน ลบ.เมตร ไม่ได้มาจากการพร่องน้ำของเขื่อนแต่อย่างใด แต่เป็นมวลน้ำจากแม่น้ำวัง แม่น้ำยมและปริมาณในที่ตกท้ายเขื่อน http://www.matichon.co.th
บ้านบางแคยังอึดน้ำยังไม่ทะลักเข้าท่วมภายในรอบนอกหมดทุกจุดแล้ว
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นายพฤตินันท์ เหลืองไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กล่าวว่าปริมาณน้ำได้เอ่อล้นท่วมรอบบริเวณบ้านบางแคทุกจุดแล้ว แต่ยังไม่เข้าท่วมพื้นที่ภายใน สำหรับบริเวณซอย 46 เป็นพื้นที่สูงและมีการสูบน้ำออกจากท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสริมแนวกระสอบทรายอย่างแน่นหนาสูงกว่า 1 เมตร  อย่างไรก็ตามได้เคลื่อนย้ายผู้สูงอายุที่เหลือกว่า 30 คน ขึ้นไปอยู่ชั้น 3 ของตัวอาคารแล้ว พร้อมประสานขอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตากสิน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนผู้สูงอายุกว่า 200 คน ที่อพยพไปวัดหนองหอย จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นายพฤตินันท์ เหลืองไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กล่าวว่าปริมาณน้ำได้เอ่อล้นท่วมรอบบริเวณบ้านบางแคทุกจุดแล้ว แต่ยังไม่เข้าท่วมพื้นที่ภายใน สำหรับบริเวณซอย 46 เป็นพื้นที่สูงและมีการสูบน้ำออกจากท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสริมแนวกระสอบทรายอย่างแน่นหนาสูงกว่า 1 เมตร   อย่างไรก็ตามได้เคลื่อนย้ายผู้สูงอายุที่เหลือกว่า 30 คน ขึ้นไปอยู่ชั้น 3 ของตัวอาคารแล้ว พร้อมประสานขอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตากสิน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนผู้สูงอายุกว่า 200 คน ที่อพยพไปวัดหนองหอย จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี   http://www.matichon.co.th
ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร ประกาศปิด 29 เส้นทางจราจร แนะหลีกเลี่ยง 15 เส้นทาง
วันที่ 4พ.ย. จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร ได้แจ้งเส้นทางปิดการจราจร และเส้นทางควรหลีกเลี่ยงจากน้ำท่วมขังล่าสุด ดังนี้   ทิศเหนือ เส้นทางควรหลีกเลี่ยง -ถ.สายไหมขาเข้า-ขาออก น้ำท่วมขังตลอดสาย ระดับน้ำอยู่ที่ 40-60 ซม. -ถ.ประเสริฐมนูญกิจขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกเกษตรถึงแยกลาดปลาเค้า ระดับน้ำ 50 ซม. -บริเวณแยกวัดเสมียนนารี ระดับน้ำ 60 ซม. -ถ.เสนานิคม 1 ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกเสนานิคม ถึงแยกวังหิน ระดับน้ำ 40 ซม. -ถ.ลาดปลาเค้าขาเข้า-ขาออก ตั้งแยกตัด ถ.ประเสริญมนูญกิจ ถึงแยกวังหิน ระดับน้ำ 30 ซม. -ถ.นวมินทร์ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ซ.นวมินทร์ 163 ถึงแยก รามอินทรา กม.8 ระดับน้ำ 50 ซม. -ถ.รัชดาภิเษกขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกรัชโยธิน ถึงทางต่างระดับรัชวิภา ระดับน้ำ 40 ซม. -ถ.นาวงประชาพัฒนา ตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม. -ถ.คู้บอนขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ซ.คู้บอน 19 ถึงหน้า สน.คันนายาว ระดับน้ำ 30 ซม.   -ถ.พระยาสุเรนทร์ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกคลองสอง ถึงวัดบึงพระยาสุเรนทร์ ทิศตะวันออก เส้นทางควรหลีกเลี่ยง     -ถนนสุวินทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกไปรษณีย์มีนบุรี ถึงแยกตัด ถ.ร่มเกล้า ระดับน้ำ 40 ซม. (เส้นทางเลี่ยงไป จ.ฉะเชิงเทรา สามารถใช้ ถ.รามคำแหงเชื่อม ถ.ร่มเกล้า ถ.มอเตอร์เวย์ ถ.บางนา-ตราด ทางยกระดับบูรพาวิถี) -ถนนราษฎร์อุทิศ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม. -ถนนประชาร่วมใจ มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม. -ถนนหทัยราษฎร์ตัดสุวินทวงศ์ (แยกพาณิชยการมีนบุรี) ระดับน้ำ 40 ซม. -บริเวณแยกราษฎร์อุทิศ (ถ.สุวินทวงศ์ตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ) ระดับ 50 ซม.       1) ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ซอยวิภาวดี 46 2) ถ.พหลโยธินขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกอนุสรณ์สถาน ถึงแยกเสนานิคม 3) ถ.แจ้งวัฒนะขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึงแยกคลองประปา 4) ถ.รามอินทราขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกวงเวียนบางเขน ถึง กม.4 (รามอินทรา 39) 5) ถ.งามวงศ์วานขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกพงษ์เพชร ถึงแยกเกษตร   ทิศเหนือ ถนนสายรอง ปิดการจราจร 12 สาย       -ถ.จรัญสนิทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบางขุนนนท์ ถึง สะพานพระราม 7 -ถ.สิรินธร ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบางพลัดถึงทางต่างระดับสิรินธร -ถ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าถึงแยกบรมราชชนนี -ถ.อรุณอัมรินทร์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ถึงแยก ร.พ.ศิริราช -ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบรมราชชนนีถึงทางต่างระดับสิรินธร (สายใต้เก่า) -ถ.ทางคู่ขนานลอยฟ้า ปิดการจราจรตลอดสาย ไม่สามารถลงพื้นราบได้ -ถ.บรมราชชนนี (ช่วงพุทธมณฑล) ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ แยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงแยก ถ.ราชพฤกษ์ -ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ แยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึง ซ.เพชรเกษม 48 ทิศตะวันตก ถนนสายรอง ปิดการจราจร 4 สาย -ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ทิศเหนือ ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 5 สาย -ถ.กำแพงเพชร 6 (ถนนโลคัลโรด) ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเมืองเอก ถึงหน้าวัดเสมียนนารี -ถ.สรงประภา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกศรีสมานถึงแยก กสบ. -ถ.เชิดวุฒากาศ ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.โกสุมร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.เดชะตุงคะ ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.เวฬุวนาราม (วัดไผ่เขียว) ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 14 ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.เลียบคลองสอง ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกพลาธิการกองทัพอากาศ ถึงแยกสะพานปูน -ถ.จันทรุเบกษา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยก รร.นายเรืออากาศ (คปอ.) ถึงแยกจันทรุเบกษา -ถ.วัชรพล ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถนนเพิ่มสิน ถึงห้าแยกวัชรพล -ถ.เพิ่มสิน (พหลโยธิน 54/1- ถ.สุขาภิบาล 5) ปิดการจราจรตลอดสาย -ถ.สุขาภิบาล 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ทิศตะวันตก ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 8 สาย   http://www.matichon.co.th
วงถก ปู-สุขุมพันธุ์ เครียดอัดกันนัว กรมชลฯ อ้างไม่มีหนังสือขอเครื่องสูบน้ำ
“ยิ่งลักษณ์” พร้อม “ประชา-ยงยุทธ” ประชุมร่วมทีม ผู้ว่าฯ กทม.-สำนักระบายน้ำ ส่อเครียดหลังกรมชลฯ อ้างไม่ได้รับหนังสือขอเครื่องสูบน้ำจาก กทม. ขณะที่ผู้ว่าฯ ยืนยันน้ำไม่ท่วมเขตชั้นใน แต่ห่วงเครื่องสูบน้ำทำงานหนัก                (เบื้องต้น) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.06 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปที่สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ที่ดินแดง พบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อรับทราบข้อมูลการระบายน้ำของ กทม. เพื่อประชุมและเมินสถานการณ์น้ำท่วม                โดยนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม.ได้รายงานสถานการณ์น้ำว่าปีนี้น้ำเยอะมาก เหนือการควบคุมบางส่วน โดยฝั่งตะวันตกไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด                ทั้งนี้ บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มตึงเครียด และเห็นภาพชัดเจนว่าหน่วยงานรัฐไม่ค่อยกินเส้นกัน โดยกรมชลประทานได้ยืนยันว่าไม่มีหนังสือขอเครื่องสูบน้ำ ซึ่งเกรงว่าผู้ว่าฯ กทม.ให้ข่าวเสียหาย                ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ระบุว่า ไม่ได้ดูหมิ่นกรมชลประทานยืนยันว่า ส่งหนังสือถึงศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แล้ว จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ตัดบทบอกให้ทุกฝ่ายมีจุดประสงค์เดียวกัน                ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในที่ประชุมนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบุว่าน้ำจะท่วมทั้งหมด แต่ผู้ว่าฯ กทม.ยังมั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมทั้งเมือง แม้ว่าระบบระบายน้ำ กทม.ไม่ได้สร้างเพื่อรองรับน้ำจากเหนือไหลลงใต้ แต่ กทม.ได้จับมือกับทุกหน่วยงานแก้จุดอ่อนพื้นที่รอบปริมณฑล เนื่องจากขณะนี้เครื่องสูบน้ำล้ามาก หลังเปิดตลอด 24 ชม.มาหลายวัน                ขณะที่ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ระบุ เร่งเจ้าหน้าที่ควบคุมมวลชน หวั่นกระทบ 50 เขตเสี่ยงท่วม เชื่อหากคุมได้กรุงเทพฯ จะรอดหลายเขต http://www.manager.co.th
ปู ยันน้อมนำกระแสพระราชดำริแก้น้ำท่วม
“ยิ่งลักษณ์” เผยผ่านเฟซบุ๊ก ยันรัฐบาลพร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำริของในหลวงเรื่องการทำ flood Way เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน                วันนี้ 4 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ทีมงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra โดยระบุว่า                “รัฐบาลพร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของการทำ flood Way โดยให้ได้มอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาดูระบบน้ำถาวร นำมาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเป็นรูปธรรมและแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน” http://www.manager.co.th
แม้ว แค่ของปลอม ใครยังไม่เชื่อให้ทนรอพิสูจน์
ผ่าประเด็นร้อน น้ำท่วมเที่ยวนี้หนักหนาสาหัสเกินเยียวยา และเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ ไพร่ เศรษฐี ไปจนถึงอำมาตย์ อ่วมอรทัยกันไปตามๆกัน มากบ้างน้อยบ้าง เพียงแต่ว่าคนที่ร่ำรวย มีเงินทองสามารถหาทางออกบรรเทาความเดือดร้อนได้มากกว่า เท่านั้นเอง                อย่างไรก็ดีเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นหากจะบอกว่าเป็นภัยธรรมชาติก็คงไม่มีใครเถียง แต่ประเด็นก็คือสามารถบริหารจัดการบรรเทาปัญหาให้มีประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ถ้ารัฐบาลมีสติปัญญามากพอ และผู้นำคือ นายกรัฐมนตรีสามารถบริหารสั่งการ ตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้องและบูรณาการอย่างแท้จริง                ต้องไม่ลืมก็คือปัญหาน้ำท่วม มันมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่ใช่จู่ๆก็ไหลทะลักท่วมบ้านช่องดะไปหมด แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับปริมาณน้ำฝน ปริมาณน้ำเหนือเขื่อน ใต้เขื่อน การเปิดปิดประตูระบายน้ำ รวมไปถึงน้ำทะเลหนุน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถคำนวณได้ล่วงหน้า โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ และวิศวกรที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่ง นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องรู้จักใช้คน มีภาวะผู้นำทั้งในสถานการณ์ปกติและวิกฤติ                แต่เมื่อมาพิจารณาผู้นำคนปัจจุบัน คือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคุณสมบัติดังกล่าวแค่ไหน คงไม่ต้องมาสาธยายให้เสียเวลา เพราะความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่ตรงหน้า และภัยพิบัติน้ำท่วมเที่ยวนี้ยังได้เปลือยตัวตนของเธอออกมาประจานให้เห็นกันอย่างหมดเปลือก ในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียเวลาตั้งความหวังรอลุ้นกันอีกในอนาคต                ตรงกันข้ามทำให้หลายคนต้องทำใจ ต้องหาทางออกเพื่อหาวิธีดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างไร เพราะคงหวังพึ่งพารัฐบาลไม่ได้แล้ว                อย่างไรก็ดีในความเป็นจริงแล้ว หากติดตามความเคลื่อนไหวของ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ มาตั้งแต่ต้น ก็คงไม่ได้ผิดความคาดหมายแต่อย่างใด เนื่องจากเธอไม่มีความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำประเทศ ไม่เคยไต่เต้าขึ้นมาตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภายในพรรคเพื่อไทย หรือหากย้อนกลับไปเมื่อครั้งเป็นผู้บริหารบริษัทในครอบครัว ล้วนแล้วขึ้นแบบทางลัด หรือเป็นแบบที่ไม่ได้เป็นผู้นำที่แท้จริง เนื่องจากถูกมองว่ามีการ “ว่าจ้างมืออาชีพ” เข้ามาจัดการแทน ส่วนเธอก็มีฐานะไม่ต่างจาก “น้องสาวของเจ้าของบริษัท” เท่านั้นเอง                สำหรับการก้าวสู่การเมืองก็เช่นเดียวกัน ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้มีความพร้อม ไม่เคยมีทักษะ ไม่มีแม้กระทั่งความรู้รอบตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสังเกตได้จากการพูด การแถลง การให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าหากจะสังเกตสติปัญญา รวมไปถึงความสามารถของใครสักคนให้ดูจากการพูด หรือผลงานการบริหารจัดการว่ามีความสงบเรียบร้อยหรือว่าโกลาหล มีความสับสน มีการเลือกคนให้เหมาะสมกับงานในแต่ละสถานการณ์แค่ไหน ซึ่งกว่าสามเดือน จนกระทั่งมาจนถึงกรณีเหตุการณ์น้ำท่วมมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วแบบไร้ข้อกังขา                ขณะเดียวกัน ยิ่งลักษณ์ ก็คือ “โคลนนิ่ง” ของพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร เหมือนกับคำพูดที่ใช้หาเสียงที่ว่า “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” และบวกด้วย ยิ่งลักษณ์ โคลนนิ่ง ดังนั้นหากให้สรุปก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของรัฐบาลชุดนี้ล้วนอยู่ภายใต้ระบบคิดการสั่งการของ ทักษิณ ทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็ต้องคิดแบบนั้น รวมไปถึงคนเสื้อแดงทั้งหมดด้วย เพราะไม่งั้นคงไม่เฮโลเลือกเธอเข้ามาเป็นผู้นำด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น แต่เมื่อผลงานออกมาห่วยแตก นั่นก็ต้องหมายความว่าคนห่วยอีกคนที่อยู่ข้างหลังคือใคร นาทีนี้มีคำตอบชัดเจนแล้ว                สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หากใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวเขามาตั้งแต่ต้นก็จะรู้ทันว่าไม่ใช่เป็นคนเก่งกาจอะไรนักหนา เพียงแต่ว่าเป็นนักเสี่ยงโชค กล้าได้กล้าเสีย รวมไปถึงเป็นนักฉวยโอกาสชั้นเยี่ยม เพราะปากพล่ามบอกว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมในอดีตล้วนแล้วแต่ข้องแวะอยู่กับคณะเผด็จการตลอดเวลา ซึ่งก็รวมไปถึงการได้สัมปทานดาวเทียม กิจการโทรคมนาคมเมื่อหลายปีก่อนก็ล้วนแล้วแต่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากผลพวงดังกล่าวทั้งสิ้น หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือเขาไม่ใช่เทวดาอย่างที่พยายามสร้างภาพ                หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งก่อนวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 เขาก็ถูกสงสัยว่า “ล้วงรู้ข้อมูลภายใน” จนได้กำไรจากค่าเงินจำนวนมาก หลังจากนั้นเมื่อตั้งพรรคไทยรักไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544 เป็นต้นมา ก็เกิดขึ้นหลังจากวิกฤติได้ผ่านพ้นไปแล้วและกำลังอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ตามวงรอบเศรษฐกิจ ประกอบกับนโยบายประชานิยมที่สนับสนุนการจับจ่ายทำให้เศรษฐกิจยิ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นไปอีก ประกอบกับในตอนนั้นเศรษฐกิจภายนอกทั้งยุโรปและอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักไม่ได้ตกต่ำดังเช่นปัจจุบัน                นอกจากนี้ในคราวนั้นชาวบ้านยังไม่รู้ทัน ยังเห่อเศรษฐีใหม่ ที่หลอกต้มให้เป็นความหวังของชาติ โดยเฉพาะชาวบ้านรากหญ้า ทั้งที่ในความเป็นจริงล้วนขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเติบโตมาจากธุรกิจสัมปทานผูกขาด ไม่ใช่แข่งขันเสรี แต่ถ้าย้อนไปดูจะพบว่าไม่ว่าธุรกิจใดก็ตามที่มีการแข่งขันเขามักจะล้มเหลว                นั่นเป็นแบ็กกราวด์ที่ชี้ให้เห็นว่า ทักษิณ เป็นแค่นักฉวยโอกาส เป็นแค่นักสร้างภาพหลอกชาวบ้าน เพื่อสร้างความสำเร็จทางการเมือง ไม่อาจตั้งความหวังได้เลย อย่างไรก็ดีเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นมันผิดความคาดหมาย เพราะต้องบังคับให้รัฐบาลของเขาแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ รวมถึงหลังจากน้ำลดไปแล้วซึ่งเชื่อว่าจะหนักหนาสาหัสกว่าหลายเท่า จะโบ้ยให้คนอื่นเหมือนก่อนไม่ได้อีกแล้ว อย่างไรก็ดีหากใครที่ยังหลงเชื่อก็ไม่เป็นไรให้กัดฟันทนรอพิสูจน์อีกครั้งก็ได้ แต่เชื่อว่าหลายคนได้เห็นธาตุแท้หันหลังให้มาตั้งนานแล้ว !!  
เผยแผนจัญไรสื่อแดง โบ้ย เขื่อนภูมิพล-เขื่อนสิริกิติ์ ทำน้ำท่วม
ASTVผู้จัดการ – สื่อเสื้อแดงฉวยโอกาส มั่วตีข่าว “เขื่อนภูมิพล-เขื่อนสิริกิติ์” ต้นตอวิกฤตน้ำท่วม บางกอกทูเดย์ อ้างไม่มีการพร่องน้ำ โยงช่วงหลังเลือกตั้ง “ยิ่งลักษณ์” ถวายสัตย์ปฏิญาณน้ำในเขื่อนพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับพายุเข้า 3-4 ลูกติดต่อกัน ด้านทีวีแดงป้องรัฐบาลสุดขีด โทษนิคมฯ ทำคันกั้นน้ำไม่แข็งแรง โจมตีสื่อรายงานข่าวเร้าอารมณ์ อ้างกรุงเทพฯ น้ำท่วมแค่ตาตุ่ม                วันนี้ (1 พ.ย.) หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ ตีพิมพ์เรื่องจากปกในหัวข้อ “2 เขื่อนยักษ์ ปริศนาลับ! กำจัดปู! บทพิสูจน์น้ำ “หมื่นล้านคิว” มาจากไหน? ใครวางยา?” โดยกล่าวว่า ปัจจัยที่ถือเป็นปัญหารุนแรงที่สุดของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ กลไกทุกกลไกของภาครัฐจะต้องประสานรวมกันเป็นหนึ่ง หากยังมีลักษณะต่างคนต่างพาย ยังอยากที่จะเป็นพระเอก คิดจะฉวยโอกาสทางการเมือง และยังมีพวกเสนอหน้าเข้ามาสร้างความวุ่นวาย อาจจะต้องมีรายการลงดาบเล่นงานกันอย่างจริงๆ จังๆ โดยไม่เลือกหน้าไม่เลือกพวกไม่เลือกสีได้แล้ว หากไม่ทำเช่นนั้นรัฐบาลเองที่จะสั่นคลอน                “เพราะในเวลานี้ ยังคงมีกลุ่มโซเชียล เน็ตเวิร์ก ที่จ้องด่าจ้องโจมตีรัฐบาลในทุกๆ เรื่องอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ส่งภาพส่งโพสต์สารพัดข้อกล่าวหาเข้าไปเล่นงานรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนว่ามีประเด็นหรือไม่มีประเด็นก็ตาม ด่าเอาไว้ก่อน ตำหนิเอาไว้ก่อน กล่าวหาเอาไว้ก่อน... ซึ่งจนวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถที่จะแก้เกมหรือรับมือตรงนี้ได้เลย” รายงานระบุ                ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวยังอ้างด้วยว่า สำหรับประชาชนผู้ที่เดือดร้อนมีข้อสงสัยว่า น้ำจำนวนกว่า 1.1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรนั้น มาจากไหน ทั้งๆ ที่กระจายไปกว่า 30 จังหวัดแล้ว ยังคงมีมวลน้ำอยู่มากมาย ชนิดที่คนกรุงเทพฯ ยังไม่มั่นใจว่า หากปล่อยให้เข้ามาท่วมกรุงเทพฯ เพื่อช่วยประชาชนในต่างจังหวัดและปริมณฑลแล้ว จะสามารถลดทอนน้ำในที่ต่างๆ ได้แค่ไหน                “บางกอกทูเดย์ ไม่ได้ต้องการโทษความผิดให้ใคร แต่ต้องการให้ได้เรียนรู้จากความจริง และใช้เป็นบทเรียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะน้ำจำนวนมหาศาลเป็นหมื่นๆ ล้านลูกบาศก์เมตรในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการบริหารน้ำในเขื่อนสำคัญคือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ นั่นเอง” รายงานระบุ                ในรายงานอ้างว่า ปกติเขื่อนภูมิพล จะต้องมีระดับความจุเก็บกักน้ำต่ำสุด คือ 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ความจุเก็บกักน้ำต่ำสุดคือ 2,850 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งก็จะมีปริมาณน้ำที่แม้จะน้อยแต่ก็พอประคองสถานการณ์ภัยแล้งได้บ้าง แต่ในปีนี้การดูแลน้ำในเขื่อนทั้ง 2 เกิดความวิตกในเรื่องภัยแล้งมากจนเกินเหตุ ทำให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทั้งๆ ที่ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีอยู่ที่ความจุ กว่า 6,000 ล้าน ลบ.ม. แล้ว แต่กลับไม่มีการพร่องน้ำเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ในช่วงเดือน พฤษภาคม มิถุนายน จนถึงกรกฎาคม น้ำในเขื่อนถูกเก็บกักเอาไว้สูงขึ้นเรื่อย                “ประกอบกับในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีการเลือกตั้ง ทำให้เกิดช่วงสุญญากาศทางการเมือง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ทำให้การดูแลระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของกรมชลประทาน เนื่องจากกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ จะสามารถทำหน้าที่ได้ ก็เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เวลาประมาณ 21.30 น.ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากนั้นในวันที่ 10 ส.ค.นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี จึงได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 รพ.ศิริราช                ซึ่งในวันที่ 13 สิงหาคม ตามกราฟจะเห็นว่า เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ มีความจุน้ำพุ่งขึ้นไปถึง 8,400 ล้าน ลบ.ม.แล้ว ทำให้เมื่อเจอกับพายุเข้า 3-4 ลูกติดๆ กัน น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 จึงขยับขึ้นมาเต็มเขื่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำในเขื่อนสิริกิติ์แตะระดับ 9,500 ล้าน ลบ.ม.และเขื่อนภูมิพลแตะ 13,500 ล้าน ลบ.ม.ในต้นเดือนกันยายน จึงทำให้เขื่อนต้องเร่งระบายน้ำ และกลายเป็นมวลน้ำจำนวนมหึมาที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั่นเอง และกลายเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่ในครั้งนี้” รายงานระบุ                ในรายงานของบางกอกทูเดย์ กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำคอยบริหารจัดการเขื่อน แต่เพราะความกลัวภัยแล้ง จึงทำให้ไม่มีการพร่องน้ำเอาไว้เลย ทั้งๆ ที่หากเกิดภัยแล้งเชื่อว่าความเสียหายน่าจะมีเพียงในระดับพันล้าน หรือหมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้าไปช่วยชดเชยให้ความช่วยเหลือ แต่การเกิดอุทกภัยใหญ่ เพราะเขื่อนจำเป็นต้องปล่อยน้ำ จนเกิดน้ำท่วมใหญ่และเสียหายนับเป็นกว่า 5-6 แสนล้านบาทเช่นนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องมีการทบทวน                ทั้งนี้ จะต้องถือเป็นบทเรียนสำคัญ เพราะไม่ว่าอย่างไรหน่วยงานเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องน้ำควรจะต้องรู้ดีกว่าประชาชนทั่วไป ไม่ควรปล่อยให้เกิดการวางแผนผิดพลาดได้ขนาดนี้ เพราะน้ำหลากน้ำท่วมจากสูงลงสู่ต่ำไปสู่อ่าวไทย สำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่มีมานาน ความผิดพลาดครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนราคาแพงอย่างยิ่ง หากในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม มีการสั่งการให้กรมชลประทานพร่องน้ำเอาไว้ที่ระดับประมาณ 3,500-4,000 ล้าน ลบ.ม.ก็จะทำให้เขื่อนสามารถที่จะรับน้ำได้อีกถึงกว่า 5,000-6,000 ล้าน ลบ.ม.ได้อย่างสบายๆ ซึ่งปริมาณน้ำท่วมทุ่ง ก็จะไม่มากมายมหาศาลเท่ากับขณะนี้                ขณะเดียวกัน หากที่ผ่านมา กรมชลประทานมีการดูแลขุดลอกทรายในแม่น้ำ หรือให้สัมปทานดูดทรายขาย ถ้าดูดทรายขึ้นไปได้สักล้าน ลบ.ม.นั่นก็คือ การเพิ่มศักยภาพของแม่น้ำในการที่จะรองรับน้ำได้เพิ่มเป็นล้าน ลบ.ม.ด้วยเช่นกัน กรมชลประทานและบรรดาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องน้ำของรัฐ จากวันนี้ไปจึงควรจะต้องคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเหมือนในครั้งนี้อีก รวมทั้งในการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ รัฐบาล กองทัพ กรมชลประทาน พยายามรับมือกันสุดกำลัง ทาง กทม.และพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องเลิกหวังชิงจังหวะทางการเมือง แต่ต้องหันมาเร่งระบายน้ำอย่างเต็มที่ เพราะคนที่เดือดร้อนคือประชาชน และเศรษฐกิจที่เสียหาคือเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ และประเทศชาติ                สำหรับหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ มี นายเผด็จ ภูริปฏิภาณ เจ้าของนามปากกา “พญาไม้” ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด เป็นผู้ดูแล และมี นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซ่า รีสอร์ท เขาใหญ่ และ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นนายทุน ซึ่งที่ผ่านมามีจุดยืนสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดงมาโดยตลอด                ทีวีแดงอัดคน กทม.ด่ารัฐบาลทั้งที่น้ำท่วมแค่ตาตุ่ม                อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชีย อัพเดท ซึ่งเป็นสื่อมวลชนในเครือข่ายกลุ่ม นปช.และพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่รายงานพิเศษในหัวข้อ “หยุดกวนน้ำให้ขุ่นขวางรัฐบาลแก้อุทกภัย” โดย นายบูรพา เล็กล้วนงาม ซึ่งกล่าวว่า นอกจากปัญหาน้ำท่วมที่อ้างว่าได้รับการแก้ไขแล้ว การสร้างสถานการณ์ซ้ำเติมโดยคนบางกลุ่มยังเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล โดยกล่าวโจมตีว่าคนบางกลุ่มนำประเด็นน้ำท่วม มาเป็นเครื่องมือลดความน่าเชื่อถือของ ศปภ.และรัฐบาล                ทั้งนี้ ประเด็นที่พูดกันบ่อย คือ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการที่นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ ซึ่งเป็นการพูดที่ขาดความรับผิดชอบ เพราะก่อนหน้าที่น้ำจะไหลมาถึงนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่ง ศปภ.ได้แจ้งเตือนไปแล้ว ถ้านิคมอุตสาหกรรมสร้างคันกั้นน้ำที่มีความแข็งแรงเพียงพอ เช่นเดียวกับคันกั้นน้ำของวัดพระธรรมกาย ความเสียหายคงไม่เกิดขึ้น การที่นิคมอุตสาหกรรมถูกน้ำท่วม เป็นเรื่องเกินความรับผิดชอบของ ศปภ.                ส่วนกรณีน้ำท่วมกรุงเทพฯ อีกประเด็นที่ถูกนำมาถากถางรัฐบาล โดยหยิบยกน้ำท่วมในบางจุดมาใส่ร้าย ทั้งที่รัฐบาลระบุเพียงว่า เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในเท่านั้นที่จะไม่ถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขอีก คือ พนังกั้นน้ำต้องไม่แตก อีกทั้งพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็ถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีในช่วงนี้ และน้ำจะท่วมเฉพาะเวลาที่น้ำทะเลขึ้น และเมื่อน้ำทะเลลดน้ำก็ไม่ท่วม จึงยังไม่เห็นจุดไหนที่รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ตรงกันข้ามในบางปีที่ฝนตกหนัก น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ กินวงกว้างกว่าปีนี้อีก                รายงานพิเศษช่องเอเชียอัพเดทยังกล่าวโจมตีสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ โดยกล่าวว่า การรายงานข่าวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาพน้ำท่วมในเวลานี้ดูน่ากลัว เกินกว่าความเป็นจริง ผู้สื่อข่าวจำนวนไม่น้อยไปยืนรายงานข่าวในบริเวณที่น้ำท่วม ทั้งที่มีพื้นที่แห้งให้ยืนรายงานข่าวได้ และอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเร้าอารมณ์ของผู้ชมให้เกิดความกังวล ซึ่งขัดกับการรายงานข่าวที่ต้องนำเสนอเฉพาะข้อเท็จจริงเท่านั้น รวมทั้งยังมีการใช้คำว่า “วิกฤต” หรือ “น้ำท่วมหนัก” อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ผู้ชมจึงเกิดความวิตก ทั้งที่คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกน้ำท่วมเลยแม้เพียงระดับตาตุ่ม                นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า เรื่องที่น่าสนใจที่สื่อกระแสหลักไม่ยอมพูดถึง คือ ความผิดปกติที่เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ กักเก็บน้ำมากเกินความพอดี เมื่อถึงหน้าฝนจึงต้องปล่อยน้ำออกมา และเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ การกวนน้ำให้ขุ่นและการรายงานข่าวเร้าอารมณ์ความรู้สึก จึงทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นไหวต่อสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อการจัดการปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลที่สามารถยุติลงได้ ถ้าไม่ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายไปกว่านี้                อย่างไรก็ตาม หลังรายงานพิเศษช่องเอเชียอัพเดทถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงการนำกราฟแสดงน้ำที่ใช้ได้ในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ที่นำมาแสดงในรายงานพิเศษ โดยหนึ่งในนั้นคือ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเฟซบุ๊ก “Sirichok Sopha” ว่า ทางสถานีมีการแก้กราฟปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล ของกรมชลประทานเพื่อป้ายสีอดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่ตอนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามานั้น น้ำในเขื่อนมีเพียงแค่ร้อยละ 55 เท่านั้น http://www.manager.co.th
ศธ. สั่ง 676 โรงเรียนน้ำท่วม เลื่อนเปิดเทอม
รมว.ศธ.เผยสั่งการให้ร.ร. 676 แห่งที่ถูกน้ำท่วมเลื่อนเปิดเทอมภาคที่2ออกไปอีก7วัน ส่วนภาคใต้สังปิดเพิ่มแล้ว73แห่งใน5อ.หลังมีพายุ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึง ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ทำให้โรงเรียน 676 โรง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี ปทุมธานี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี และ ยโสธร ต้องเลื่อนเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ออกไปอีก 7 วัน โดยให้ผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ และสำรวจความเสียหาย เพื่อเตรียมแผนฟื้นฟู และการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วันนี้ ศธ. จะเสนอแผนช่วยเหลือ โดยแบ่งชดเชยให้กับโรงเรียน และนักเรียน ส่วนครูที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้มีการบำรุงขวัญกำลังใจแล้ว สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วม ใน จ.สงขลา เบื้องต้นทำให้โรงเรียนได้รับผลกระทบ โดยเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 3 ประกาศปิดโรงเรียนแล้ว 73 โรง ใน 5 อำเภอ คือ นาทวี สะบ้าย้อย สะเดา เทพา และ จะนะ เขต 2 มีโรงเรียนปิดเรียน เนื่องจากน้ำท่วมถนน 37 โรง ใน 3 อำเภอ คือ คลองหอยโข่ง หาดใหญ่ รัตภูมิ ส่วนเขต 1 ได้รับรายงานโรงเรียนน้ำท่วม 3 แห่ง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างประสานข้อมูล เพื่อยืนยันจำนวนโรงเรียนที่ปิดการเรียนการสอน Source : News Center / INN / weekendhobby.com (Image)
ทบ.มอบถุงยังชีพช่วยคนน้ำท่วมกาฬสินธุ์
กองทัพบก มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม และฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ด พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น นายธนูสินธุ์ ไชยสิริ นายอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยตัวแทนชมรมแม่บ้านกรมทหารม้าที่ 6 นำถุงยังชีพจาก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จำนวน 80 ชุด ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่มสะอาดจากมูลนิธิหอเกียรติยศรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไปมอบให้กับประชาชนในบ้านท่าเพลิง บ้านท่าใหม่ ที่ประสบภัยน้ำท่วมบ้าน และไร่นา ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ยังคงมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง แต่บางพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลง 10 - 20 ซ.ม. ซึ่งจากการที่น้ำท่วมเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ส่งผลให้นาข้าวที่กำลังออกรวงกว่า 1.3 แสนไร่ ถูกน้ำท่วมเน่าเสียหายทั้งหมด และประชาชนป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้ากว่า 250 ราย ทั้งนี้คาดว่าภายใน 2 - 3 สัปดาห์ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ Link : http://www.innnews.co.th/ทบ-มอบถุงยังชีพช่วยคนน้ำท่วมกาฬสินธุ์--318982_06.html
ฟ้าหญิงฯเสด็จฯเยี่ยมพสกนิกรวัดพนัญเชิง
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร และพระราชทานถุงยังชีพ วัดพนัญเชิงฯ พระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยา พระราชทานถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย จำนวน 500 ชุด และทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน มูลนิธิ พอ.สว. มูลนิธิจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่มาคอยให้บริการประชาชน จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่ จ.อ่างทอง วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.คลองสวนพลู เป็นวัดเก่าแก่ของ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานของ "หลวงพ่อโต" หรือ "พระพุทธไตรรัตนนายก" พระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีหน้าตักกว้างกว่า 14 เมตร สูงกว่า 19 เมตร ซึ่งได้รับความนับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยและจีนอย่างกว้างขวาง และที่สำคัญ เป็นวัดที่สามารถป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าเข้าท่วมวัดได้ ถึงแม้จะอยู่ติดกับแม่น้ำป่าสัก Link : http://www.innnews.co.th/ฟ้าหญิงฯเสด็จฯเยี่ยมพสกนิกรวัดพนัญเชิง--318980_22.html  
<< 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 >>
รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา