ประสบการณ์ Work and Travel 2011
สวัสดีค่ะ ชื่อปานทิพย์ กาญจนกิตติชัย ชื่อเล่น อ้อมค่ะ ตอนนี้ศึกษาอยู่ที่ คณะศิลปศาสตร์ เอกอังกฤษ – อเมริกันศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ได้มีโอกาสเข้าร่วมสอบชิงทุนไปโครงการ Work and Travel ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับทุนสมทบค่าเครื่องบินเป็นจำนวนเงิน 25,000 บาทค่ะ ช่วงที่ไปคือช่วงซัมเมอร์ของประเทศอเมริกา (เดือน มิถุนายน – สิงหาคม 2554) ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ได้มีโอกาสไปเจอผู้คนใหม่ๆ ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวทางไกลคนเดียวเป็นครั้งแรก ตอนแรกก็ตื่นเต้นมากแต่ก็อาศัยการสังเกตค่ะว่าคนอื่นเค้าทำอะไร อ่านป้ายบ้าง และก็ศึกษาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตมาพอที่จะไม่คาดหวังอะไรมากจนเกินไป คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะมองโครงการนี้หลักๆอยู่สองแบบ แบบที่หนึ่งคือติดภาพลบเรื่องการใช้แรงงานบ้าง หลอกลวงบ้าง และพ่อ แม่ก็จะกังวลกลัวว่าลูกของตัวเองจะไปอยู่ไม่รอดบ้าง อีกแบบก็คือมองบวกจนเกินไป พอไม่เป็นอย่างที่หวังก็มาโทษทางบริษัทเอเจนซี่ที่ไทยบ้าง โทษนายจ้างบ้าง ซึ่งตัวอ้อมเองจะเป็นกลางๆคือพอรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียของโครงการนี้ตามความเป็นจริงอยู่บ้างว่าเราไปทำงานนะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นแบบซัมเมอร์แคมป์ อันนี้เราไปเป็นลูกจ้างเค้า เวลางานก็ต้องทำงาน ทำงานเสร็จเค้าก็มีเวลาให้เที่ยวได้หลังจากจบโครงการอีก 1 เดือน
อ้อมได้มีโอกาสไปทำงานกับบริษัท Eagles Beachwear ที่เมือง Myrtle Beach รัฐ South Carolina ค่ะสภาพการทำงานที่นี่จะเป็นกันเองพอสมควร ถ้าเราปรับตัวเข้ากับผู้จัดการได้ ขยันทำงาน หางานให้ตัวเองทำอยู่ตลอดเวลางานที่นี่ก็จะถือว่าสบายมาก ข้อเสียของที่นี่คือช่วงที่ไม่มีลูกค้าก็จะเงียบมาก และค่อนข้างน่าเบื่อ เราก็จะต้องเดินตรวจร้านมีอะไรดูไม่เรียบร้อยก็หยิบจับแก้ไขให้เรียบร้อย เวลาเจ้านายมาที่ร้าน ถ้าเค้าเจออะไรไม่เรียบร้อยใครรับผิดชอบอยู่แถวนั้นก็จะโดนว่าบ้าง ร้านของ Eagles จะขายของตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบก็ว่าได้ มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับชายหาด มีประมาณยี่สิบกว่าร้านติดถนนใหญ่ ส่วนร้านที่อ้อมอยู่อันที่จริงแล้วชื่อ Pipeline จะขายของราคาแพงหน่อยอย่างเช่นพวก Body Gloves, Reef, รองเท้า Rainbow และรองเท้ายี่ห้อ Sanook และอุปกรณ์ Surf อย่างดี เพราะฉะนั้นเจ้านาย และผู้จัดการประจำที่ร้านนี้ก็จะเข้มงวดเรื่องการให้เราเดินตรวจ ยิ่งเวลามีลูกค้าเข้ามาเยอะๆ ก็ต้องคอยดูให้ดีๆ เพราะโดนขโมยของเป็นประจำ เวลาลุกค้าเข้ามาเราก็มีหน้าที่ทักทาย และถ้าคนไหนทำท่างงๆก็ให้เข้าไปถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เป็นเรื่องพื้นฐานของการบริการลูกค้า ใครขี้อายก็อาจจะอายๆอยู่บ้างในช่วงแรกแต่พอทำไปสักพักเราก็จะเริ่มชินไปเอง
ประสบการณ์ที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการ Work and Travel ในครั้งนี้ คือการช่วยเหลือตัวเองค่ะ การอยู่ด้วยตัวเอง หาเงินเอง ทำอาหารทานเอง มิตรภาพจากเพื่อนที่อยู่ด้วยกันกลับมาไทยก็ยังติดต่อกันอยู่ คนที่หวังไปเอาภาษาอ้อมคิดว่าถ้าจะเอาเป็นภาษาทางการก็คงจะไม่ได้มากนัก แต่ถ้าจะไปเพื่อฝึก การฟัง เป็นสิ่งหนึ่งที่จะได้มากขึ้น และอย่าไปคิดว่าที่อเมริกามีแต่ฝรั่งตัวขาว หรือ ตัวดำ อเมริกาเป็นประเทศที่หลากหลายเชื้อชาติมาก เราก็จะต้องฝึกฟังสำเนียงต่างๆกันไปค่ะ ประสบการณ์การไปอยู่ตัวคนเดียวเป็นเวลาสองเดือนครึ่งถือว่าสั้นมาก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากมายมหาศาลและในหลายๆด้าน
คนที่อยากเข้าร่วมโครงการนี้ ถ้าพ่อ แม่ สามารถส่งให้ไปได้ไม่ลำบากก็แนะนำให้ไปค่ะ เพราะถึงแม้ว่าประสบการณ์ด้านวิชาการจะไม่ได้มากนักถ้าเทียบกับคนที่ไปเรียน แต่ประสบการณ์ชีวิต รสชาติของชีวิตนั้นมันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ
อ้อมต้องขอขอบคุณทางบริษัทวอเรนเทกซ์ มากที่ให้โอกาสอ้อมได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ชีวิตอันล้ำค่าในครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าการชีวิตจริงเป็นยังไง ถึงแม้การอยู่ด้วยตัวเองอาจจะไม่สวยหรูเท่ากับการที่เราอยู่กับพ่อ แม่ แต่การที่ได้มีโอกาสใช้เงินที่เราหามาให้จากน้ำพักน้ำแรงของเราเองก็ทำให้เรามีความภาคภูมิใจไม่น้อยค่ะ ส่วนเรื่องเงินที่หลายๆคนรวมทั้งอ้อมที่คาดหวังไว้มากบอกได้เลยว่าขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการของแต่ละคน คนที่ไปแล้วได้อยู่ครบสามเดือน ตามเวลาก็จะมีเงินเก็บประมาณนึงกลับมาฝากพ่อแม่ แต่อย่างตัวอ้อมตอนทำงานเสร็จมีเงินเหลือประมาณ 1,000 เหรียญซึ่งเดิมที อยากจะเอามาคืนพ่อ แต่อ้อมได้มีโอกาสไปเที่ยวนิวยอร์ก กับบอสตันต่อคิดไปคิดมาจึงยอมเอาเงินตรงนี้ไปเที่ยวให้คุ้มดีกว่า เพราะนั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของโครงการนี้ Work เสร็จ ก็นำเงินที่เก็บได้มาก Travel แทนที่จะทำงาน งกๆ เพื่อเก็บเงินอย่างเดียวโดยไม่ได้สนใจว่าที่ๆ ตัวเองอยู่นั้นมีมากกว่าเงินให้ไปหา เงินพอเรียนจบเราก็สามารถหาเพิ่มได้ แต่ประสบการณ์แบบนี้มีคนไม่มากที่จะได้สัมผัส จึงอยากแนะนำคนที่จะไปให้ใช้เวลาช่วงที่ตัวเองอยู่ที่นั่นให้คุ้มค่าอย่างที่สุดค่ะ
http://www.workandtravel.co.th/ |