หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย

 

มาร์ค ป้อง กทม.ระบายน้ำเต็มที่-เปิดรับมากกว่านี้มีแต่จะท่วมขังทั้งเมือง

“อภิสิทธิ์” ตรวจสถานีสูบน้ำพระโขนง ปะหน้า “ปู” เดินตรวจจุดเดียวกัน ทักทายพอเป็นพิธี ก่อนรุดตรวจคลองประเวศน์ พบเปิดเครื่องสูบน้ำแค่ 4 เครื่องจาก 20 เหตุชาวบ้านต่อต้าน วอนรัฐหยุดโยนบาปใส่ กทม.การันตีระบายน้ำเต็มที่แล้ว แต่ทำได้แค่นี้ เหมือนหลอดดูดในสระน้ำ ชี้ ถึงผันน้ำเข้ากรุงมากขึ้นก็ไม่ช่วยให้ไหลลงทะเลเร็วกว่าเดิม มีแต่จะท่วมขังทั้งเมือง ติงข้อเสนอใช้ ถ.วิภาวดี ผ่านน้ำ คิดได้ ทำยาก อาจกลายเป็นจุดขังน้ำแทน 
       



       วันที่ 24 ต.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณสถานีสูบน้ำพระโขนง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีความเข้าใจว่า กทม.ยังไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำในบางจุดอย่างเต็มทึ่ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ว่า หากจะใช้เพื่อระบายน้ำทั้งหมด ก็เท่ากับการเอาหลอดกาแฟไปดูดสระน้ำ ซึ่งไม่มีทางทำได้ เพราะเกินศักยภาพของ กทม.เนื่องจากระบบท่อของ กทม.ออกแบบมารองรับการระบายน้ำฝนในกรุงเทพฯ ซึ่งทุกปีที่ผ่านมา กทม.ก็ระบายน้ำตามระบบที่วางไว้โดยไม่มีปัญหา แต่ปีนี้น้ำมีมาก ทำให้ทะลักไปในบริเวณอื่น นอกจากคลองตามปกติที่ไหลเข้าท่อ กทม.เพื่อสูบออกทะเลลงอ่าวไทย ดังนั้น หากมีการผันน้ำเข้า กทม.เพิ่มอีก ก็ไม่มีประโยชน์ในการระบายน้ำลงทะเลให้เร็วขึ้นเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังใน กทม.เป็นบริเวณกว้างแทน ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด
       
       ส่วนที่มีการมองว่า ระดับน้ำในคลองแสนแสบยังมีปริมาณต่ำนั้น ก็เป็นเพราะว่าระบบของ กทม.ใช้คลองแสนแสบเป็นจุดสูบน้ำ จึงต้องทำให้ระดับน้ำต่ำ เพื่อให้น้ำไหลมาสู่สถานีสูบน้ำออกสู่ทะเล เพราะหากให้คลองแสนแสบมีระดับสูง ก็จะยิ่งทำให้ระบายน้ำไม่ได้ เนื่องจากน้ำจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ทั้งนี้ กทม.จะใช้วิธีการหลอกด้วยการปล่อยให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบสูงขึ้นก็ได้ แต่ กทม.ไม่คิดทำ เพราะทำแล้วไม่มีประโยชน์อะไรในการแก้ปัญหา จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจด้วย นอกจากนี้ น้ำบางส่วนก็ยังไหลมาไม่ถึง เพราะติดในเรื่องของกายภาพบางพื้นที่ ซึ่งเป็นแอ่งกระทะทำให้น้ำขังไม่ไหลเข้าสู่ระบบการระบายน้ำของ กทม.
       
       นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการระบายน้ำที่ควรผันน้ำไปแม่น้ำบางปะกงเพิ่มขึ้น แต่ก็เกิดปัญหาว่า กรมชลประทานยังไม่มีการระบายน้ำไปในบริเวณดังกล่าวเท่าที่ควร
       
       “ศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ สามารถระบายน้ำได้วันละ 5.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ลองคิดดูว่า หากน้ำมาเป็นหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ กทม.มีศักยภาพเท่านี้อะไรจะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ดังนั้น แนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง คือ กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ต้องทำให้ระบบการระบายน้ำสัมพันธ์กันให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้หลายพื้นที่กรมชลประทานไม่สามารถดำเนินการระบายน้ำได้ เพราะติดปัญหาประชาชนต่อต้าน”
       
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ และคณะ กำลังฟังการชี้แจงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.กำลังจะเดินทางมายังจุดนี้เช่นเดียวกัน โดยในช่วงที่ นายอภิสิทธิ์กำลังจะเดินทางกลับได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ซึ่งมารอรับนายกรัฐมนตรี โดย นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามถึงการระบายน้ำไปยังคลองไชยานุชิต จาก ผบ.ทบ.ได้รับคำยืนยันว่า มีการระบายน้ำไปยังจุดดังกล่าวแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
       
        ขณะเดียวกัน ขบวนของนายกรัฐมนตรีก็เดินทางมาถึง ทำให้นายอภิสิทธิ์เข้าไปทักทายนายกรัฐมนตรี แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ให้ความสนใจเท่าใดนัก โดยเพียงแค่ยกมือไหว้ตามมารยาทและเดินเลี่ยงนายอภิสิทธิ์ ไปดูจุดสูบน้ำทันที
       
       จากนั้นขบวนของ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางต่อไปยังสถานีประตูน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งเป็นจุดสูบน้ำไปยังคลองด่าน และแม่น้ำบางปะกง แต่พบว่า มีการเปิดเครื่องสูบน้ำเพียง 4 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่ดูแลจุดดังกล่าว อธิบายเหตุผลว่า ไม่สามารถเปิดเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มที่ เพราะชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต่อต้าน เนื่องจากเกรงว่า น้ำจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านตัวเอง อีกทั้งการระบายน้ำลงทะเลก็ยังติดปัญหาช่วงทางผ่านของน้ำที่จะไหลลงสู่ทะเลเป็นคลองขนาดเล็กเหมือนคอขวด ทำให้น้ำไหลช้า
       
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการตรวจสถานีระบายน้ำทั้ง 2 จุดว่า อยากให้ กทม.และรัฐบาลประสานในเรื่องการนำน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งที่ผ่านมา กทม.เปิดประตูระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่น้ำที่จะผ่านไปยังคลองต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯชั้นใน ทำได้เพียงเท่านี้ ส่วนที่ประชาชนสงสัยว่า ทำไมระดับน้ำในเมืองยังอยู่ที่ต่ำอยู่นั้น ก็เป็นเพราะ กทม.มีเจตนาที่จะให้น้ำไหลลงไปสู่สถานีสูบน้ำเพื่อระบายน้ำ ซึ่งการระบายน้ำในส่วนตะวันออกก็ยังมีการเปิดประตูน้ำอยู่แต่ทำได้แค่สี่บานจาก 20 บาน ก็เป็นปัญหาว่าจะทำให้น้ำไหลลงทะเลได้มากแค่ไหน เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกันทั้งระหว่าง กทม.และรัฐบาลและไม่ให้เกิดความยัดแย้งระหว่างประชาชนใน กทม.และปริมณฑลด้วย
       
        นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กทม.ได้เปิดประตูเพื่อระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้วเหมือนที่เจ้าหน้าที่อธิบายว่าความสามารถของ กทม.เหมือนหลอดดูดในสระน้ำ ก็ทำได้เพียงเท่านี้ ซึ่งหวังว่าเมื่อ ผู้ว่า กทม.ได้พานายกรัฐมนตรีมาดูในพื้นที่ก็คงจะมีความเข้าใจที่ชัดเจนเพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหาต่อไป และควรเลิกใช้วิธีโทษกันไปมา ว่า กทม.ไม่ยอมระบายน้ำเป็นสาเหตุให้น้ำท่วม แต่ควรปรับเข้าหากันเพราะทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด
       
       ส่วนที่มีนักวิชาการเสนอให้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นทางผ่านในการระบายน้ำนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องศึกษาธรรมชาติของพื้นที่ เพราะบางทีอาจเข้าใจผิดคิดว่าสามารถควบคุมทิศทางการไหลของน้ำได้แต่ความจริงน้ำจะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำและที่บอกว่าจะเปิดเข้ามาก็ไม่ทราบว่าเปิดเข้ามาอย่างไร ที่สำคัญ ไม่ได้หมายความว่าน้ำจะระบายออกมาตามทางดังกล่าว ซึ่งอาจกลายเป็นทำให้น้ำท่วมขังได้ ดังนั้น จึงต้องดูเส้นทางที่จะลงทะเลให้เร็วที่สุดมากกว่า
       
        นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาประชาชนต่อต้านการเปิดปิดประตูน้ำ ทำให้ระบายน้ำได้เต็มที่รัฐบาลก็ต้องหาแนวทางแก้ไข ซึ่งเคยเสนอหลายครั้งเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เมื่อรัฐบาลไม่ทำก็ต้องบริหารจัดการให้ได้ เมื่อรัฐบาลใช้มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายมากขึ้น ซึ่งตนเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ควรพิจารณาตามความจำเป็นไม่ควรคำนึงในเรื่องภาพลักษณ์มากเกินไป อย่างเช่น สถานีคลองประเวศน์ ที่ชาวบ้านต่อต้านทำให้เปิดเครื่องสูบน้ำได้เพียง 4 เครื่อง ทั้งที่เป็นจุดระบายน้ำลงสู่ทะเล ก็ต้องศึกษาว่าจะมีทางเบี่ยงไม่ให้น้ำไปท่วมจนประชาชนได้รับผลกระทบอย่างไร เพราะขณะนี้รัฐบาลใช้วิธีตามแก้เป็นจุดๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีความมั่นใจในการเข้าไปดูดเรื่องมวลชน แม้มีการประกาศคำสั่งออกมาก็ยังมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้
       
       “ผมคิดว่านอกจากปัญหาน้ำท่วมรัฐบาลต้องเร่งดูแลระบบการกระจายสินค้าและการผลิตสินค้าบางตัว เพราะประชาชนไม่มั่นใจและเกิดความตื่นตระหนก จึงต้องเร่งคุยกับภาคเอกชนให้ประชาชนกิดความมั่นใจวามสินค้าจำเป็นจะไม่ขาดแคลน ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาให้ประชาชนในส่วนหนึ่ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

http://www.manager.co.th

 

รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา