หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย

 

ศปภ.โง่-อวดดียิ่งอยู่ยิ่งเน่า ปล่อยเหลือบสูบของบริจาค

ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ทำงานมาได้สองสัปดาห์กว่า คนส่วนใหญ่ไม่ให้ความเชื่อมั่นและมองว่าทำงานไม่เอาอ่าว
       
       ศึกรับมืออุทกภัยก็หนักหนาสาหัสแล้ว ตอนนี้ ศปภ.ยังมาเจอกับข่าวเชิงลบอย่างต่อเนื่อง
       
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยกระดับการทำงานแก้ปัญหาอุทกภัยของรัฐบาลให้มีอำนาจเต็มมือผ่านการใช้มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถ้ามองข้ามปัญหาการทำงานของ ศปภ.ที่เละเทะเลอะเทอะสุดๆ เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างแน่นอน และทุกข์ก็จะตกอยู่กับประชาชนคนไทยทั้งหมด
       
       กลุ่มองค์กรภายนอกจากภาคประชาสังคม ที่เข้าไปช่วยรัฐบาลรับมือปัญหาน้ำท่วมที่ศูนย์ ศปภ.ดอนเมือง หลายกลุ่มออกมาเปิดเผยแล้วว่า มี “การเมือง” อยู่ใน ศปภ.อย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในภาวะเช่นนี้
       
       กรณีนักวิชาการ รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาเปิดเผยว่าทางศูนย์เดิมจะส่งคนไปช่วยงานที่ ศปภ.แต่ได้รับแจ้งว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา จึงต้องเรียกเด็กในศูนย์วิชาการกลับ เพราะรับไม่ได้ที่มีการแบ่งฝ่ายกันในช่วงที่ประเทศกำลังมีวิกฤต
       
       ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น หากเรื่องนี้ไม่จริง ศปภ.ก็ต้องปฏิเสธออกมา
       
       การทำงานของ ศปภ.เริ่มมีปัญหาออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อย่างกรณีกลุ่ม thaiflood ที่เป็นกลุ่มองค์กรประชาชนซึ่งไปตั้งทีมเป็นอาสาสมัคร และส่งคนไปช่วยรัฐบาลอยู่ที่ ศปภ.ดอนเมืองตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเปิดศูนย์
       
       กลุ่มนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อยในการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนในเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมแบบเรียลไทม์ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยน้ำท่วมผ่านโลกไซเบอร์ ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียนปัญหาต่างๆ จากผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ
       
       ปรเมศ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.thaiflood.com ออกมาบอกถึงสาเหตุที่ถอนตัวจากการทำงานร่วมกับศูนย์ ศปภ.ที่ดอนเมือง มีสาเหตุมาจากถูกกีดกั้นด้านข้อมูล และ ศปภ.ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึงขนาดโทรศัพท์มาขอเซ็นเซอร์ข้อมูลก่อนที่จะแถลงข่าว
       
       “ปรเมศ” พูดตรงกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นก็คือ ศปภ.มีปัญหาสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการที่ไม่เป็นเอกภาพ ไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อประชาขนอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้กลุ่ม Thaiflood ต้องขอแยกตัวจาก ศปภ.
       
       ที่น่าตกใจก็คือ กรณีที่กลุ่มนี้เปิดเผยออกมาว่า ของบริจาคที่คนส่วนใหญ่บริจาคเมื่อถูกลำเลียงออกไปแจกจ่ายประชาชน พบว่ามีการร้องเรียนมาจากประชาชนว่ามีการเลือกปฏิบัติ เช่นหากหมู่บ้านหรือชุมชนไหนมีการติดธงแดงหรือสัญลักษณ์สีแดงก็จะได้รับการแจกสิ่งของ แต่ชุมนุมไหนไม่ใช่เสื้อแดงก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และการนำสิ่งของออกไปจากดอนเมืองจะต้องผ่านนักการเมืองในศปภ.ก่อน
       
       ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่องไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง มัน “สองมาตรฐาน” หรือเปล่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนักการเมืองเสื้อแดงในศปภ.ต้องตอบด้วย
       
       อีกรายหนึ่ง เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา อัฏฐพร ชัยรัตน์ลี้ตระกูล อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวที่ ศปภ.ดอนเมืองว่า ศปภ.และรัฐบาลไม่นำเสนอข้อเท็จจริงในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม พูดไม่พูดเปล่านำคลิปวิดีโอที่บริเวณช่องระบายน้ำประตูดำ เขตดอนเมือง เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 23 ตุลาคมมาแสดงให้สื่อดูเพื่อให้เห็นว่ามีน้ำไหลบ่าจากคลองรังสิตอย่างรุนแรงโดยที่ประตูระบายน้ำเขตดอนเมืองอยู่ในสภาพชำรุดแต่ ศปภ.ไม่แจ้งเตือนเรื่องนี้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวรวมถึงคนกรุงเทพมหานครเตรียมรับมือ
       
       สิ่งที่เกิดขึ้นกับนักวิชาการจากค่ายจุฬาฯ การออกมาเปิดเผยข้อมูลอีกด้านจากอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต และการออกมาบอกความจริงให้สังคมรู้ของกลุ่ม thaiflood บางคนอาจคิดไปว่า มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า เป็นเรื่องการเมืองกันภายใน ศปภ.หรือเปล่า ฟังความข้างเดียวหรือไม่? ก็เป็นสิทธิจะคิดได้
       
       แต่สิ่งที่ดีที่สุด ทาง ศปภ.ก็ควรทำเรื่องนี้ให้เคลียร์สักหน่อย หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนไม่สนใจ เอาเวลาไปทุ่มกับการลุ้นไม่ให้กรุงเทพมหานครน้ำท่วมดีกว่า ถ้าคิดแบบนี้คงไม่เป็นผลดีต่อ ศปภ.แน่นอน
       
       เพราะมันกระทบกับภาพลักษณ์ของ ศปภ.ที่เป็นเสมือนกองบัญชาการสูงสุดของรัฐบาลในการสู้กับอุทกภัยครั้งนี้
       
       อย่าลืมว่าสองสัปดาห์กว่า ข่าวเชิงบวกแทบไม่เคยมีสำหรับ ศปภ. แค่ 2-3 กรณีที่ยกมาข้างต้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องฟังแล้วทุเรศยิ่งกว่าที่ว่ามา คือ
       
       ความกร่างไม่เข้าที่เข้าทางของพวกแก๊งแดง
       
       เสื้อแดงหลายคนไปทำกร่างถึงในศูนย์ ศปภ. คงนึกว่าที่นี่เป็นสี่แยกราชประสงค์-สะพานผ่านฟ้าหรือโรงพยาบาลจุฬาฯที่เคยบุกไปค้นโรงพยาบาลยามวิกาล เข้าใจว่าคงเสพติดอำนาจขนานหนัก
       
       กรณีของ แดงกร่างคับดอนเมือง ที่ผู้คนคงเห็นข่าวกันมาแล้ว แต่ขอตอกย้ำสั้นๆ กับเรื่องที่“เจ๋ง ดอกจิก” หรือ ยศวริศ ชูกล่อม ที่มีตำแหน่งทางการ คือ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ฐานิสร์ เทียนทอง-มท.3) ซึ่งก็มาปักหลักอยู่ที่ ศปภ.ดอนเมืองเกือบทุกวัน เดินไปเดินมาทั้งภายในศูนย์ และจุดที่คนเสื้อแดงปักหลักรับบริจาคสิ่งของอยู่
       
       “ไอ้เจ๋ง” ทำตัวไม่ธรรมดา เดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ จากข้างบนไปข้างล่าง ต้องมีคนติดตาม เสริมบารมีตลอดอย่างน้อยก็สองคนประกบซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากลัวจะไม่เป็นจุดสนใจหรือกลัวใครจะมาดักตีหัวถึงดอนเมือง เลยต้องมีคนคุ้มกันหนาแน่นแบบนี้
       
       เรื่องที่เกิดก็เพราะ “ไอ้เจ๋ง” ไปแสดงท่าทีจะเอาของบริจาคคือ เรือพาย ที่มีบริษัทเอกชนนำมาบริจาคให้ ศปภ. ซึ่งต้องถือว่าเป็นของส่วนกลาง ขั้นตอนโดยทั่วไปเมื่อมีคนมาบริจาคแล้ว ทาง ศปภ.และหน่วยงานระดับปฏิบัติการใน ศปภ.ก็จะต้องดูว่าจะเอาไปทำอะไรหรือให้หน่วยงานไหนรับผิดชอบและจะให้ใครเป็นคนเอาของบริจาคไปแจกและจะแจกที่ไหน
       
       แต่ “ไอ้เจ๋ง” กำลังจะพา ศปภ.เจ๊ง
       
       กับความกร่างไม่เข้าเรื่องที่คิดจะเอาของบริจาคที่คนบริจาคเขาบริจาคให้ศปภ.ไม่ได้บอกว่าจะให้เจ๋ง ดอกจิกหรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลย แต่ “ไอ้เจ๋ง” กลับคิดว่านักการเมืองทำอะไรก็ได้ เลยจะเอาของบริจาคไปทำเลย ไม่ให้ส่วนกลางพิจารณาก่อน
       
       แถมอวดดีพูดเสีย วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยฐานิสร์ ลูกพี่ของเจ๋ง ดอกจิก คงสะดุ้งโหยง ที่อดีตตลกจำอวดตามคาเฟ่และผู้ต้องหาเผาบ้านเผาเมืองมาบอกว่า เลขาฯ มท.3 อย่างเจ๋ง ดอกจิก
       
       กูใหญ่กว่าอธิบดีโว้ย!
       
       เป็นคราวซวยของรัฐบาล-กระทรวงมหาดไทย-ศปภ. และลูกพี่ ฐานิสร์ จริงๆ ที่ได้ลูกน้องอย่างตลกลืมตีน มาช่วยงาน
       
       คนโดนน้ำท่วมกำลังจะตาย แต่ศปภ.ทำงานไม่ได้เรื่อง ยิ่งทำคนยิ่งเห็น ปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรต้องรู้แต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพ แถมใน ศปภ.เองก็มีปัญหาภายใน ทำงานขัดแข้งขัดขากันหนัก อีกทั้งยังไม่ให้คนภายนอกเข้าไปช่วยงานเพื่อจะได้ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน และแบ่งเบาภาระภาครัฐ
       
       ยิ่งมาเจอกรณี “ไอ้เจ๋ง ดอกจิก” ใหญ่กว่าอธิบดี จบกันเลย ศปภ.

http://www.manager.co.th/

 

รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา