หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย

 

ข้อมูลศึกษาต่ออังกฤษ

 

ข้อมูลศึกษาต่ออังกฤษ

สหราชอาณาจักร หรือที่คนไทยเราเรียกติดปากว่าประเทศอังกฤษนั้น เป็นประเทสที่ประกอบไปด้วยดินแดน 4 ส่วน โดยมีสามส่วนตั้งอยู่บนเกาะเกรทบริเทน (Great Britain) ได้แก่ อังกฤษ (England), สกอตแลนด์ (Scotland) และ เวลส์ (Wales) อีกส่วนหนึ่งนั้น ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ไอร์แลนด์เรียกว่า ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)

 

สภาพทางภูมิศาสตร์ของสหราชอาณาจักร

อังกฤษ (England) เป็นส่วนที่มีพื้นที่กว้างไหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ศูนย์กลางด้านการศึกษา การค้า การเงิน การธนาคาร และ อุตสาหกรรมของโลก มีประชากรหนาแน่นมากกว่า 51 ล้านคน ลำพังในมหานครลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร ก็มีประชากรมากกว่า 7 ล้านคน  นอกจากนี้ยังมีเมืองใหญ่ๆ อีกหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ในภูทิภาคอื่นๆ อาที เบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ และ นิวคาสเซิล ที่มีประชากรอยู่หนาแน่นคึกคัก

สก็อตแลนด์ (Scotland) เป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากอังกฤษ มีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบสูงที่สิ่งแวดล้อมสวยงาม อีกทั้งยังมืเมืองใหญ่ๆ ที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคยุโรป อาทิ เมือง Edinburgh เมืองหลวงของสก็อตแลนด์ที่เป็นศูนย์กลางด้านการเงินแห่งหนึ่งของยุโรป อีกทั้งยังมีเมืองใหญ่อื่นๆ ที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง Glasgow และ Aberdeen สก็อตแลนด์ มีประชากรทั้งสิ้น 5.2 ล้านคน

เวลส์ (Wales) เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา ทะเลสาป และชายฝั่งทะเล อีกทั้งยังเงียบสงบเนื่องจากประชากรน้อยไม่แออัด คือประมาณ 3 ล้านคน แต่กระนั้นแล้ว รายได้หลักสำคัญของเวลส์ก็ยังมาจากภาคอุตสาหกรรม โดยมีเมืองคาร์ดิฟเป็นเมืองหลวง

ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) เป็นพื้นที่เดียวของสหราชอาณาจักรที่อยู่นอกเกาะอังกฤษโดยตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะไอร์แลนด์ จำนวนประชากรก็ไม่มาก คือประมาณ 1.7 ล้านคน แต่ทั้งนี้ไม่ได้ทำให้ควาสำคัญของภูมิภมคนี้ต่อสหราชอาณาจักรด้อยไปกว่าภูมิภาคอื่นๆ เลย เนื่องจากเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและการเกษตรที่สำคัญ รวมถึงเป็นที่ตั้งของเมือง Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ ในอดีตไอร์แลนด์เหนืออาจเคยมีชื่อเสียงไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องความรุนแรง แต่ทุกวันนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกด้วยค่าครองชีพที่ต่ำ และทิวทัศน์ที่งดงาม จนมีโรงแรมเกิดใหม่มากมาย


สภาพทางภูมิอากาศ

อากาศของประเทศอังกฤษแตกต่างไปตามภูมิประเทศ มี 4 ฤดูกาล ได้แก่

  • ฤดูใบไม้ผลิ – เดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม
  • ฤดูร้อน – เดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม
  • ฤดูใบไม้ร่วง – เดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน
  • ฤดูหนาว – เดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์

ฤดูใบไม้ผลิ (Spring)  เป็นฤดูแห่งความสดใสเนื่องจากอากาศอุ่นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15 – 20 องศาเซลเซียส ต้นไม้ออกดอกออกใบสวยงาม

ฤดูร้อน (Summer) เป็นช่วงเวลาแห่งการออกตากอากาศ อากาศอบอุ่นถึงอบอ้าวในบางครั้ง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 26 องศาเซลเซียส ผู้คนนิยมเดินทางไปตากอากาศในช่วงนี้

ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ใบไม้ที่ผ่านอากาศร้อนมาตลอดสามเดือนจะเริ่มเปลี่ยนสีในฤดูนี้เปลี่ยนภูมิทัศน์ให้สวยแปลกตา จนใบไม้ค่อยๆ ร่วงโรยไป อุณหภูมิในช่วงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15 – 25 องศาเซลเซียส

ฤดูหนาว (Winter) อากาศหนาวเย็นสมชื่อ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีลมแรงและหิมะตกในบางพื้นที่อีกด้วย ดีที่มีวันหยุดในช่วงนี้เยอะ ครอบครัวจึงได้พบปะเจอกัน เกิดเป็นความอบอุ่นทางใจต้านอากาศภายนอก

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมประเทศอังกฤษไม่มีฤดูฝนเหมือนบ้านเราทั้งๆ ที่ก็เคยได้ยินว่าฝนตกบ่อย นั่นเป็นเพราะเกาะอังกฤษตั้งอยู่ในตำแหน่งแนวกระแสน้ำเย็นและน้ำอุ่นมาชนกันเกิดเป็นเมฆฝนจำนวนมากที่พัดเข้ามาที่เกาะอังกฤษจนทำให้ฝนตกบ่อยแทบทุกฤดู

 

ระบบการศึกษาในประเทศอังกฤษ

ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษแตกต่างจากประเทศไทยหลายอย่าง เริ่มต้นจากการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่รวมแล้วมีเพียง 11 ระดับชั้นปี หลังจากเรียนจบแล้วนักเรียนจะต้องทำการสอบข้อสอบที่เรียกว่า GCSE (General Certificate of Secondary Education)โดยเลือกสอบ 8-12 วิชาเพื่อนำผลคะแนนไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นต่อไป เส้นทางหลังจากการสอบ GCSE นักเรียนสามารถเลือกที่จะศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา หรือ เรียนต่ออีกสองปีเพื่อสอบ A Levels และนำผลคะแนนเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไป

 

การศึกษาระดับอาชีวศึกษา

เป็นการศึกษาเพื่อนำไปประกอบอาชีพโดยตรง เรียนจบแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรที่มีระดับแตกต่างกัน 3 ระดับได้แก่ FC/FD (First Certificate/Diploma) เป็นหลักสูตรเพื่อใช้ทำงานเท่านั้นใช้เวลาเรียน 1 ปี NC/ND (National Certificate/Diploma) เป็นหลักสูตรระดับสูงที่ใช้เวลาเรียน 2 ปี แต่ระดับชั้นที่น่าสนใจสำกรับการศึกษาในระดับอาชีวะของประเทศอังกฤษคือ Higher National Certificate/Diploma ซึ่งนับเป็นระดับอุดมศึกษา เทียบเท่าอนุปริญญาของประเทศไทย ใช้เวลาเรียน 2 ปี และสามารถนำผลคะแนนไปใช้สมัครเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นปีที่ 2 ปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยได้ทันที


การศึกษาระดับปริญญาตรี

หลังจากที่นักเรียนผ่านการสอบ A Level ก็สามารถเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยได้ โดยการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่อังกฤษใช้เวลาเรียนเพียง 3 ปีเท่านั้น แต่สำหรับนักเรียนไทยหรือชาติอื่นๆที่เรียนในระบบการศึกษาแบบที่เรียนประถมบวกมัธยมเป็นเวลา 12 ปี จะไม่สามารถเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่อังกฤษได้ทันที จำเป็นต้องเรียน A Level เพิ่ม สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยบางแห่งจึงจัดให้มีหลักสูตรพิเศษที่เรียกว่า Foundation Program ที่ใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปีขึ้นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ รวมแล้วก็ใช้เวลา 4 ปีในการเรียนปริญญาตรีเหมือนในประเทศไทย

 

การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี

การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาที่ประเทศอังกฤษเริ่มต้นจากหลักสูตร Graduate Diploma หรืออนุปริญญาโท เป็นหลักสูตรสำหรับนักศึกษาที่ต้องการเปลี่ยนสายการเรียน เช่นเรียนภาษาอังกฤษมาแล้วในระดับปริญญาตรี แต่อยากเรียนต่อกฎหมายในระดับปริญญาโท หรือ สำหรับนักเรียนที่ผลการเรียนในระดับปริญญาตรีไม่ดีมากก็จำเป็นต้องเข้าเรียนในหลักสูตรนี้ โดยใช้รเวลาเรียน 9-12 เดือน

สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับปริญญาตรีอยู่ในเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ สามารถสมัครเพื่อเข้าเรียนในระดับปริญญาโทได้เลย การเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษเป็นระบบ Taught Course หรือระบบเข้าเรียนในห้องเรียน ใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปีเท่านั้น ทำให้การศึกษาต่อในระดับปริญญาโทในประเทศอังกฤษได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าในประเทศอื่นๆ เว้นแต่บางวิชาในบางมหาวิทยาลัยที่อาจใช้เวลาปีครึ่งถึงสองปี

การศึกษาในระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษเป็นระบบ Research หรือการวิจัย นักศึกษาต้องใช้เวลาในการศึกษาและสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ตามแบบแผนทางวิชาการใช้เวลาเรียน 3-4 ปี

 

การเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ

จะมีวิธีการเรียนภาษาอังกฤษอะไรที่ได้ผลดีไปกว่าการเรียนที่ประเทศเจ้าของภาษา การเรียนภาษาอังกฤษแยกเป็นสองประเภทคือ ภาษาอังกฤษทั่วไป (General English/GE) เป็นการเรียนภาษาเพื่อใช้สื่อสาร ผู้เรียนสามารถเลือกระยะเวลาเรียนและจำนวนชั่วโมงในการเรียนต่อสัปดาห์ได้ตามต้องการ

การเรียนภาษาอีกประเภทคือการเรียนภาษาเพื่อเข้าเรียนต่อ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อการเรียนปรับภาษา การเรียนแบบนี้เป็นการเรียนสำหรับนักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาแต่ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยังไม่ถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ จึงต้องเรียนปรับภาษาเพื่อเข้าเรียนต่อหลังจบหลักสูตร หลักสูตรการเรียนปรับภาษานี้นอกจากจะสอนภาษาอังกฤษในแง่การสื่อสารแล้ว ยังเน้นภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ เตรียมนักศึกษาให้พร้อมกับการเข้าเรียนต่อ สำหรับระยะเวลาการเรียนขึ้นอยู่กับผลการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของนักศึกษาแต่ละคน

 

แฮมมิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ชำนาญการศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพราะในประเทศอังกฤษ อเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย พร้อมแนะแนวการศึกษาด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน สะดวก รวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์ศึกษาต่อในต่างประเทศที่ให้คำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ แฮมมิลตันฯ ดำเนินการสมัครโดยไม่มีค่าดำเนินการ

http://www.hamiltoninter.com

 

รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา