บทสัมภาษณ์นักศึกษา : การตลาด

ชื่อ : อัครเวช นิรันดรพฤกษ์
ชื่อเล่น : ไต๋
จบการศึกษาจาก : Michigan State University, USA
หลักสูตรที่เรียน : Marketing
ระดับการศึกษา : ปริญญาตรี
----------------------------------------
ทำไมถึงเลือกอเมริกาเป็นจุดหมายด้านการเรียนต่อ?
เดิมทีไต๋เรียนอยู่ที่อังกฤษมาตั้งแต่อายุ 13 ปี จากนั้นก็ย้ายมาเรียน High School ต่อที่สหรัฐอเมริกา แม้ตอนแรกจะไม่ได้อยากย้ายมาเท่าไหร่ เพราะครอบครัวบังคับให้ย้าย แต่พอปรับตัวได้ไต๋ก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายอีกต่อไป เพราะถึงอเมริกาจะมีวิถีชีวิตที่ต่างจากอังกฤษ แต่หลักสูตร Business ที่นี่ยากกว่า ท้าทายกว่า และคัดคนมากกว่า เพราะช่วง 2 ปีแรกทุกคนต้องเรียนวิชาทั่วไปพวกเลข หรือ พวกเคมีก่อน แล้วพอปี 3 ถึงค่อยเลือกสาขาที่ต้องการเรียน ซึ่งไต๋ก็เลือก Marketing อย่างที่ไต๋ชอบ
ทำไมคุณถึงสมัครเข้าเรียนต่อในสาขานี้และเลือกเรียนในสถาบันการศึกษานี้?
ไต๋เลือก Marketing เพราะไต๋สนใจด้าน Business อยู่ก่อนแล้ว เพราะครอบครัวทำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้า จึงอยากสืบทอดกิจการนี้ต่อ รวมทั้งชอบทำงานกับผู้คน และชอบงานด้าน Creative ดังนั้น Marketing จึงตอบโจทย์ไต๋ตรงนี้ได้ ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนที่ Michigan State University นั้นก็เพราะว่า ลุงของไต๋จบจากที่นี่มาก่อน จึงแนะนำที่นี่ให้รู้จัก แล้วพอไต๋ได้มาดูสถานที่เรียนจริงๆ ได้มาดู Campus จริงๆ ไต๋ก็ยิ่งชอบมากขึ้นและประทับใจมากจนอยากมาเรียนที่นี่ นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังติดอันดับ TOP 20 ของอเมริกาอีกด้วย
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการเรียนในหลักสูตรของคุณ
สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากการเรียน Marketing ก็คือ การได้ประสบการณ์จากการทำงานจริงๆ ไม่ใช่ได้จากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว เพราะสาขานี้จะมี Class พิเศษที่ให้นักเรียนได้นำทักษะของตัวเองไปใช้ในการขายของกับลูกค้าจริงๆ โดยสมัยไต๋นั้นอาจารย์ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่ม 3 คน ไปขายมีดเล่มละประมาณ 60-70 เหรียญ ให้ได้อย่างน้อย 900 เหรียญ ซึ่งช่วงที่ไต๋เรียนมันเป็นช่วงปี 2008 ที่เศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นการขายมีดเล่มละ 70 เหรียญจึงเป็นเรื่องยากมาก แต่ถึงจะยากแต่ก็ต้องทำให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไม่ผ่านวิชานั้น ซึ่งในที่สุดกลุ่มของไต๋ ก็ขายได้ทั้งหมด 1000 กว่าเหรียญ ถึงจะไม่ได้สูงที่สุดในชั้นเรียน แต่ไต๋ก็สนุกกับมันมาก ถึงแม้มันจะกดดันแต่เราก็ได้ใช้ความรู้และทักษะทั้งหมดที่เรามีมาใช้งานจริง
การเรียนการสอนที่นี่นับว่าแตกต่างจากประเทศไทยหรือไม่?
ต่างมากนะ ถึงแม้ว่าสมัยเรียนอยู่ที่เมืองไทย ไต๋จะเรียนแต่อินเตอร์มาตลอด แต่พอมาอยู่ที่เมืองนอกจริงๆ ปรากฏว่าไม่เหมือนกันเลย วิธีการสอน ผู้คน เพื่อนฝูงและ Environment ก็ต่างกัน ที่นี่จะเป็นการสอนที่เราต้องมีความรับผิดชอบมาก เราต้องจัดการกับตัวเองให้ได้ แถมยังต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆอยู่ตลอด เพราะการมาอยู่ที่อเมริกา การเข้าร่วมกิจกรรมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามาอยู่แล้วไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย ก็เหมือนกับเรามาอเมริกาแล้วไม่ได้อะไรกลับไป อีกทั้งกิจกรรมยังทำให้เราได้เพื่อน ได้สังคมเร็วขึ้นอีกด้วย
คุณพักอาศัยอยู่ที่ใด และสาธารณูปโภคของมหาวิทยาลัยคุณเป็นอย่างไร ?
ไต๋อยู่หอพักของมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยห้ามนักเรียนเช่าอพาร์ทเมนท์ข้างนอกในช่วงปีแรก โดยหอพักที่ไต๋อยู่เป็นหอพักพิเศษที่อยู่ติดกับ Business School เป็นหอพักสำหรับนักเรียนที่อยากเรียน Business โดยเฉพาะ ซึ่งเขาคัดมาเฉพาะ 50 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าไต๋โชคดีมาก เพราะระหว่างที่อยู่ที่หอก็จะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย หอพักที่มีเพียงแค่ 50 คนจึงสนิทกันเร็วเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องของสาธารณูปโภคนั้น ถือว่าดีเลยละ เพราะมหาวิทยาลัยจะมีการปรับปรุงบ่อยครั้ง ถึงแม้ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะอาด มีการทำความสะอาดอยู่ตลอด ส่วนเรื่องของอาหารก็เป็นในรูปแบบ Buffet ใครอยากกินอะไรก็กินไม่อั้น มีให้เลือกได้ตามแต่ชอบ ถึงแม้จะเป็น Vegetarian ก็สามารถหาอาหารทานได้สะดวก นอกจากนี้มหาวิทยาลัยก็ยังมี Bus คอยรับส่งเด็กนักเรียนรอบมหาวิทยาลัยทุกๆ 5 นาทีอีกด้วย
คุณจ่ายค่าเล่าเรียนของคุณอย่างไร?
ไต๋มาเรียนที่นี่ด้วยเงินทุนของครอบครัว แต่ไต๋ก็ได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัย 2 ทุน คือ ทุน Presidential Study Abroad Scholarship และ Global Spartan Scholarship ซึ่งช่วยในเรื่องค่าเล่าเรียนส่วนหนึ่ง
คุณทำอะไรต่อเมื่อคุณเรียนจบหลักสูตร?
เมื่อเรียนจบ ไต๋ก็ได้ฝีกงานที่ Ford Motor Company เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งการได้มาฝึกงานที่นี่ก็ทำให้ได้เรียนรู้งานหลากหลาย เพราะเขาจะให้ย้ายแผนกทุกๆ 3 เดือน โดยงานแรกไต๋ได้ทำตำแหน่ง Marketing ตามที่จบมา จากนั้นก็ย้ายไป Supply Chain แล้วไปจบที่ Management เมื่อไต๋กลับเมืองไทย ไต๋วางแผนไว้ว่าจะกลับมาเปิดธุรกิจด้านโรงแรมหรือไม่ก็ร้านอาหาร เพราะเป็นสิ่งที่ชื่นชอบ
คุณประทับใจอะไรในอเมริกา?
ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวหรืออาหารสำหรับไต๋แล้ว ไม่ค่อยแปลกใจหรือตื่นเต้นเท่าไหร่นัก ในเรื่องของผู้คนมากกว่าที่ไต๋ชอบ เพราะคนอเมริกันทุกคนจะมี “American Dream” ที่ทุกคนต้องตามหาและทำให้เป็นจริง ทุกคนอยากมีครอบครัว มีลูก และมีบ้านเป็นของตัวเอง ขอแค่อยู่ในชนชั้น Medium Class และไม่มีหนี้ก็เพียงพอ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไต๋ประทับใจ
ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากให้นักเรียนไทยไปเรียนที่อเมริกามากขึ้นหรือไม่?
อยากให้คนมาเรียนที่อเมริกากันเยอะๆ เพราะที่นี่เป็นประเทศที่เปิดกว้าง ที่นี่สร้างคนให้เป็นคนมี Idea เป็นคนที่สร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเอง และมีคาแรกเตอร์
คำแนะนำที่จะให้กับนักเรียนไทยที่อยากไปเรียนที่อเมริกา
สำหรับน้องๆที่มาเรียนที่เมืองนอกเป็นครั้งแรก แนะนำว่าควรต้องทำ Research มาให้ดีก่อน ทั้งเรื่องของอาหาร อากาศหรือวัฒนธรรมต่างๆ รวมทั้งต้องคิดก่อนว่าเราพร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเองแล้วหรือยัง เพราะการมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ไม่มีใครมาคอยดูแล แต่เราต้องดูแลตัวเอง นอกจากนี้เมื่อมาอยู่แล้ว เราต้องพยายามเปิดใจเข้าหาคนอื่นก่อน แทนที่จะรอคนเข้ามาหาเรา แล้วเราจะมีเพื่อน และสุดท้าย พยายามเข้าร่วมกิจกรรมหรือชมรมต่างๆให้เยอะๆ กิจกรรมที่ไม่เคยคิดว่าจะทำ ก็ทำซะ เพราะนอกจากจะได้เพื่อนแล้ว ยังได้ประสบการณ์ และยังทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นด้วย
http://www.hotcourses.in.th/study-in-usa/case-studies/student-spotlight-marketing-in-us/
|