หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ  
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย
รวมหลักสูตร mba มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
  เรียน MBA@STAMFORD, THAILAND “เส้นทางสู่ความสำเร็จ…ของคุณ” มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด หรือ Stamford International University สถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทยที่เปิดสอนการเรียนการสอนหลักสูตรนานาชาติมายาวนานกว่า 15 ปี ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท มี 2 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตกรุงเทพ สอนหลักสูตรนานาชาติ และวิทยาเขตเพชรบุรี (หัวหิน-ชะอำ) สอนหลักสูตรภาคภาษาไทย ด้วยความพร้อมทั้งคณาจารย์ที่มีประสบการณ์สอนและงานวิจัย สิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยสนับสนุนการเรียนการ และการพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยนับอีกหนึ่งสถาบันการศึกษาที่ได้รับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) องค์การมหาชนด้วย ด้านหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หรือ Master’s Degree Programs (MBA) ที่เปิดสอนทั้งภาคภาษาไทยและนานาชาติ รวมทั้งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยยึดมั่นในปรัชญาการศึกษาแบบพิพัฒนาการ(Progressivism) ที่เชื่อว่าความจริง และองค์ความรู้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามสภาวะการณ์สำคัญของโลกซึ่งมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้นทุกขณะ มหาวิทยาลัยจึงมุ่งเน้นการเรียนการสอนให้นักศึกษารู้จักสืบค้นข้อมูล รู้จักคิดตัดสินใจให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ โดยคำนึงถึงประโยชน์สุขของสังคมบนพื้นฐานของจรรยาบรรณวิชาชีพ มหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นที่จะจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาโดยผสมผสานความเป็นไทยและความเป็นสากลโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางอย่างกลมกลืน ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิต วิจัย บริการทางวิชาการแก่สังคม ทำนุบำรุงศิลปะ และวัฒนธรรม จึงทำให้บัณฑิตและมหาบัณฑิตของเราเป็นที่ยอมรับของบริษัทภาคเอกชนและภาครัฐชั้นนำต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดกิจการเป็นของตัวเองและเป็นผู้บริหารชั้นนำที่ประสบความสำเร็จมากมายที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่ต้องเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทยและก้าวสู่การเป็นสถาบันการศึกษาที่ยอมรับในกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน มหาวิทยาลัยจึงพยายามที่จะสร้างนักบริหารรุ่นใหม่ที่มีคุณธรรม สามารถนำความรู้มาพัฒนาสังคมได้อย่างเหมาะสม ผลิตผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความคิดริเริ่มสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้เพื่อทำงานวิจัยให้สังคม และใช้ในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นทำเป็น และเลือกวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบและเหมาะสม มีความสามารถในการใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศในการสื่อสารและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ และที่สำคัญบัณฑิตและมหาบัณฑิตทุกคนที่สำเร็จจากมหาวิทยาลัยมีความสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น มีทักษะการบริหารจัดการ ทำงานเป็นหมู่คณะ เป็นผู้นำที่จะสร้างสรรค์ และสร้างความแตกต่างบนโลกของการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคตต่อไป ทำไมถึงเลือกเรียน MBA ที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด 1. หลักสูตรภาษาไทยเปิดทั้งวิทยาเขตกรุงเทพ และหัวหิน 2. หลักสูตรนานาชาติ เปิดสอนเฉพาะที่กรุงเทพมีทั้งแบบ Fulltime และ Part Time 3. สามารถเรียนจบ MBA ภายใน 18 เดือน 4. สามารถเรียนเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน (วันเสาร์/ วันอาทิตย์) 5. ให้คุณก้าวหน้าอย่างมั่นใจ ด้วยหลักสูตรที่ทันสมัย สอดคล้องกับโลกธุรกิจในยุคปัจจุบัน 6. โดดเด่นด้วยความรู้จริงจากอาจารย์ที่เป็นผู้บริหารมืออาชีพ 7. โอกาสในการทำงานระดับนานาชาติด้วยหลักสูตรที่ทันสมัย 8. แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนจากหลากหลายแวดวงธุรกิจ 9. โอกาสศึกษาและดูงานต่างประเทศ หลักสูตรระดับปริญญาโท (Master’s Degree Programs) มีดังต่อไปนี้ 1. หลักสูตรปริญญาโท ภาคภาษาอังกฤษ (เปิดสอนที่กรุงเทพฯ) หน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร 39 หน่วยกิต แบ่งเป็น 2 กลุ่มวิชา • Master of Business Administration • Master of Business Administration (Hotel and Tourism Management) 2. หลักสูตรปริญญาโท ภาคภาษาไทย (เปิดสอนที่กรุงเทพฯและหัวหิน) หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร 39 หน่วยกิต แบ่งเป็น 3 กลุ่มวิชา • กลุ่มวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว • กลุ่มวิชาการธนาคารและสถาบันการเงิน • กลุ่มวิชาการจัดการ 3. หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (เปิดสอนที่กรุงเทพฯและหัวหิน) แยกเป็น 2 แผนการศึกษา 1. แผน ก. (ทำวิทยานิพนธ์) 2. แผน ข. (ไม่ทำวิทยานิพนธ์) เปิดรับสมัคร 3 ภาคการศึกษา ภาคการศึกษาที่ 1 เดือนมิถุนายน ของทุกปี ภาคการศึกษาที่ 2 เดือนตุลาคม ของทุกปี ภาคการศึกษาที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี เวลาเรียนและระยะเวลาการศึกษา เรียนสัปดาห์ละ 1 วัน (วันเสาร์/ วันอาทิตย์) ระยะเวลาในการศึกษา 18 เดือน ค่าเล่าเรียน • ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร สำหรับหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตรภาษาไทย ประมาณ 165,000 บาท • ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรสำหรับ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตรภาษาอังกฤษ ประมาณ 275,000 บาท คุณสมบัติผู้สมัคร • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าทุกสาขาจากสถาบัน ในประเทศหรือต่างประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก ก.พ. • มีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา ให้เข้าศึกษาได้ หลักฐานในการสมัครสอบ 1. ใบสมัครเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด พร้อมลงนามรับรอง 3. สำเนาบัตรประชาชน1 ชุด พร้อมลงนามรับรอง 4. สำเนาวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรี 1 ชุด พร้อมลงนามรับรอง 5. หนังสือรับรองการทำงาน 1 ชุด (ถ้ามี) 6. รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป วิธีการสมัคร สมัครด้วยตัวเองเท่านั้น โดยสามารถยื่นใบสมัครได้ที่ฝ่ายรับสมัครบัณฑิตศึกษา ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตกรุงเทพและวิทยาเขตหัวหิน โดยยื่นหลักฐานก่อนทำการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์กับอาจารย์ สอบถามรายละเอียดกำหนดการรับสมัครและการสอบ ฝ่ายรับสมัคร กรุงเทพ โทร 02-769 4000, 02-769-4038, 087 658 6556 ฝ่ายรับสมัคร (หัวหิน) โทร 032 442 322, 081-4610914 E-mail: admissions@stamford.edu Website: http://www.stamford.edu Facebook: stamfordthailand, stamford.admissions Come and Join Us. Stamford’s Family, Community of Friendship.
การทำใบขับขี่สากล
  นักศึกษาต่างชาติอย่างเราๆ ก็สามารถขับรถในต่างประเทศได้เหมือนกันนะ แต่จะต้องมีใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศเสียก่อน ถึงจะมีสิทธิขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใบขับขี่สากล หรือ International driving license มีขั้นตอนการทำที่แสนจะง่ายดังนี้ค่ะ เอกสารประกอบการทำใบขับขี่สากล ใบอนุญาตขับรถยนต์ 5 ปี ขึ้นไป หรือตลอดชีพ ตัวจริงพร้อมถ่ายสำเนาหน้าหลัง 1 ชุด สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด Passport พร้อมสำเนา 1ชุด ที่ยังไม่หมดอายุ (หน้าที่มีรูปถ่าย และหน้าที่มีการต่ออายุ) สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด รูปถ่ายสี หรือขาวดำ ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ที่เป็นรูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือสวมแว่นและถ่ายไม่ เกิน 6 เดือน สำหรับกรณีที่ไม่ได้มาทำด้วยตนเองให้นำหนังสือมอบอำนาจ ติดอากรแสตมป์ 10 บาท และสำเนาบัตรประชาชน ของผู้ได้รับมอบอำนาจ 1ชุด ค่าธรรมเนียม 505 บาท ใบอนุญาติขับขี่ระหว่างประเทศจะมีอายุการใช้งาน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต และสิ่งสำคัญที่ควรจะมีไว้คู่กับใบขับขี่สากลคือ หนังสือรับรองการได้รับใบอนุญาตขับรถภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถติดต่อขอทำได้กับที่เดียวกัน เอกสารประกอบการทำใบอนุญาตขับรถภาษาอังกฤษ ใบอนุญาตขับรถยนต์ 5 ปี ขึ้นไป หรือตลอดชีพ ตัวจริงพร้อมถ่ายสำเนาหน้าหลัง 1 ชุด Passport พร้อมสำเนา 1ชุด ที่ยังไม่หมดอายุ (หน้าที่มีรูปถ่าย และหน้าที่มีการต่ออายุ) รูปถ่ายสี หรือขาวดำ ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ที่เป็นรูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือสวมแว่นและถ่ายไม่ เกิน 6 เดือน ค่าธรรมเนียม 105 บาท สถานที่ทำใบขับขี่สากล กรุงเทพฯ ติดต่อแผนกใบอนุญาตขับรถยนต์ฯ อาคาร 4 ชั้น 2 กรมการขนส่งทางบก ต่างจังหวัดติดต่อขนส่งประจำจังหวัด การทำใบขับขี่สากลไม่จำเป็นต้องสอบขับขี่ หรือสอบข้อเขียน  อีกทั้งยังสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นไปทำการแทนได้ เพียงเตรียมเอกสารของท่านให้ครบถ้วนเรียบร้อย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการขนส่ง โทร. 0-2272-3100 ภาพประกอบจาก alwaysvacationtour
เผย เส้นทางการจราจร ประจำวันที่ 14 พ.ย.
 เมื่อเวลา 10:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานเส้นทางปิดการจราจร และเส้นทางควรหลีกเลี่ยงจากน้ำท่วมขังรวมทั้งเส้นทางน้ำลดที่กลับมาเปิดจราจรได้ดังนี้  ทิศเหนือ ถนนสายหลัก ปิดการจราจร และเส้นทางเลี่ยง จำนวน 9 เส้นทาง 1. ถ.พหลโยธิน ขาเข้า – ขาออก ปิดการจราจร ถึงสะพานข้ามคลองบางซื่อ(แยกกำแพงเพชร) ระดับน้ำ 50 – 110 ซม.เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.ประดิพัทธิ์- ไป ถ.พระราม 6 หรือ ถ.สุทธิสารวินิจฉัย- ไป ถ.วิภาวดีฯ หรือกลับรถไปอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือใช้ทางลัด ซ.พหลโยธิน 2 ไป ถ.วิภาวดีฯ 2. ถ.วิภาวดีรังสิต ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรถึงสะพานข้ามคลองบางซื่อ(ตึกชัยดีแทค) ระดับน้ำ 50-100 ซม. เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ. สุทธิสารวินิจฉัย –ไป ถ.พหลโยธิน หรือ ถ.สุทธิสารวินิจฉัย – ไป ถ.รัชดาภิเษก หรือกลับรถไปดินแดง 3. ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า –ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่ทางต่างระดับรัชวิภา ถึงแยกสุทธิสาร ระดับน้ำ 30 – 50 ซม.เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.สุทธิสารวินิจฉัย – ไป ถ.วิภาวดีฯ หรือ ถ.สุทธิสารวินิฉัย – ไปเชื่อมลาดพร้าว ซ.64 4. ถ.ลาดพร้าว ขาเข้า –ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึงสะพานข้ามคลองลาดพร้าว(ลาดพร้าว ซ.48) ระดับน้ำ 40-60 ซม. เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.ลาดพร้าว ซ.64 – ไปเชื่อม ถ.สุทธิสารวินิฉัย แยกสุทธิสาร 5. ถ.นวมินทร์ ขาเข้า- ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่ ถ.รามอินทรา กม.8 ถึง ถ.นวมินทร์ ซ.147 ระดับน้ำ 50 ซม. เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.ประเสริฐมนูญกิจ(เกษตรนวมินทร์) – ไปถ.เลียบทางด่วนรามอินทราฯ 6. ถ.รามอินทรา ขาเข้า –ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกวงเวียนบางเขน ถึง รามอินทรา กม.5 (ใต้ทางด่วนรามอินทรา –อาจณรงค์) ระดับน้ำประมาณ 100-110 ซม. เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.เลียบทางด่วนรามอินทราฯ – ถ.ประเสริฐมนูญกิจ(เกษตรนวมินทร์) – ถ.รามอินทรา – มีนบุรี หรือ ถ.เลียบทางด่วนรามอินทราฯ – ถ.พระราม 9 7. ถ.ประเสริฐมนูญกิจ(เกษตร-นวมินทร์) ขาเข้า – ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกเกษตร ถึงแยกลาดปลาเค้า ระดับน้ำ 40 – 60 ซม. เส้นทางเลี่ยงใช้ ถ.ประเสริฐมนูญกิจ ตั้งแต่ แยกลาดปลาเค้า – ไป ถ.เลียบทางด่วนรามอินทราฯ – ถ.นวมินทร์ 8. ถ.แจ้งวัฒนะขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึงแยกคลองประปา ระดับน้ำ 90- 100 ซม. 9. ถ.งามวงศ์วาน ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกพงษ์เพชร ถึงแยกเกษตร ระดับน้ำ 100 ซม. ทิศเหนือ ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 18 เส้นทาง 1) ถ.พระยาสุเรนทร์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40-80 ซม. 2) ถ.เทอดราชันย์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 3) ถ.แจ้งวัฒนะซ. 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 80 ซม. 4) ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 5) ถ.กำแพงเพชร 6 (ถ.โลคัลโรด) ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเมืองเอก ถึงหน้าวัดเสมียนนารี ระดับน้ำ 80-140 ซม. 6) ถ.สรงประภา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกศรีสมานถึงแยก กสบ. ระดับน้ำ 80 ซม. 7) ถ.เชิดวุฒากาศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 140 ซม. 8. ถ.โกสุมร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 9) ถ.เดชะตุงคะ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 10) ถ.เวฬุวนาราม( วัดไผ่เขียว) ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 11) ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 14 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 140 ซม. 12) ถ.เลียบคลองสอง ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกพลาธิการกองทัพอากาศ ถึงแยกสะพานปูน ระดับน้ำ 60 ซม. 13) ถ.จันทรุเบกษา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยก รร.นายเรืออากาศ(คปอ.) ถึงแยกจันทรุเบกษา ระดับน้ำ 60 ซม. 14) ถ.วัชรพล ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถนนเพิ่มสิน ถึงห้าแยกวัชรพล ระดับน้ำ 60 ซม. 15) ถ.เพิ่มสิน (พหลโยธิน 54/1- ถ.สุขาภิบาล 5) ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 16) ถ.สุขาภิบาล 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม. 17) ถ.มัยลาภ ขาเข้า – ขาออก มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 30 – 50 ซม. 18) ถ.คู้บอน ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.รามอินทรา ถึงวัดคู้บอน ระดับน้ำ 50 ซม. ทิศเหนือ เส้นทางควรหลีกเลี่ยง รถยนต์ขนาดเล็กไม่ควรผ่าน 1) ถ.กำแพงเพชร ขาเข้า –ขาออก ตั้งแยก ตัด ถ.พหลโยธิน ถึง ตัดถ.กำแพงเพชร 2 ระดับน้ำ 10 – 20 ซม. 2) ถ.พหลโยธิน ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ สะพานข้ามคลองบางซื่อ(แยกกำแพงเพชร) ถึงแยกสะพานควาย ระดับน้ำ 20 – 30 ซม. 3) ถ.วิภาวดีฯ ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ สะพานข้ามคลองบางซื่อ(ตึกชัยดีแทค) ถึงแยกสุทธิสารฯ ระดับน้ำ 20-30 ซม. 4) ถ.รามอินทรา ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ กม.5 (ใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์)ถึง กม.8 ระดับน้ำ 20-30 ซม. 5) ถ.นวมินทร์ ขาเข้า –ขาออก ตั้งแต่ถ.นวมินทร์ ซ.147 – แยกนวมินทร์ – ถึงซอยนวมินทร์ 68 ระดับน้ำ 40 ซม. 6) ถ.ลาดปลาเค้า ขาเข้า –ขาออก ตั้งแต่ แยกลาดปลาเค้า ถึงหน้าวัดใหม่เสนา ระดับน้ำ 40 -50 ซม. 7) ถ.สายไหม มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 40-50 ซม. 8. ถ.เสนานิคม 1 ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกเสนานิคม ถึงแยกวังหิน ระดับน้ำ 40 ซม. 9) บริเวณแยกวัดเสมียนนารี ระดับน้ำ 60 ซม. 10) ถ.นาวงประชาพัฒนา มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม. 11) ถ.บูรพา (ดอนเมือง) มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม. ทิศตะวันตก ถนนสายหลักปิดการจราจร จำนวน 8 เส้นทาง 1) ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก จากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึง ซ.เพชรเกษม ซ.18 ระดับน้ำ 40 -80 ซม. 2) ถ.กาญจนาภิเษก ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงคลองบางไผ่ ระดับน้ำ 50 -60 ซม. 3) ถ.จรัญสนิทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 77 ถึง ซ.จรัญสนิทวงศ์ 91 ระดับน้ำ 60 ซม. และ ถ.จรัญสนิทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 34 ถึงคลองบางกอกน้อย ระดับน้ำ 60 ซม. 4) ถ.สิรินธร ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกบางพลัด ถึงทางต่างระดับสิรินธร ระดับน้ำ 60 ซม. 5) ถ.อรุณอัมรินทร์ ตั้งแต่สะพานพระราม 8 – แยกอรุณอัมรินทร์ – ถึงสะพานอรุณอัมรินทร์ ระดับน้ำ 60-80 ซม. 6) ถ.บรมราชชนนี ตั้งแต่ทางต่างระดับสิรินธร ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ระดับน้ำ 60 – 80 ซม. 7) ถ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า – แยกอรุณอัมรินทร์ – ถึงแยกบรมราชชนนี ระดับน้ำ 40 – 60 ซม. 8. ถ.ทางคู่ขนานลอยฟ้า ปิดการจราจรตลอดสาย ไม่สามารถลงพื้นราบได้ ทิศตะวันตก ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 13 เส้นทาง 1) ถ.สวนผัก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ระดับน้ำ 70-100 ซม. 2) ถ.บางระมาด ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์ ระดับน้ำ 60-90 ซม. 3) ถ.ทวีวัฒนา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัด ถ.กาญจนาภิเษก ระดับน้ำ 40-60 ซม. 4) ถ.ทวีวัฒนา ขาเข้า-เขาออก ตั้งแต่ ประตูระบายน้ำทวีวัฒนา ถึงคลองบางไผ่ ระดับน้ำ 40-60 ซม. 5) ถ.พุทธมณฑลสาย 1 ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่ขนส่งรถไฟสายใต้ ถึงคลองบางไผ่ ระดับน้ำ 40-60 ซม. 6) ถ.ทุ่งมังกร ขาเข้า –ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัด ถ.สวนผัก ระดับน้ำ 80-120 ซม. 7) ถ.ฉิมพลี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกทุ่งมังกร ถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน ระดับน้ำ 40-60 ซม. 8. ถ.ชัยพฤกษ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัดวัดชัยพฤกษ์ ระดับน้ำ 40-60 ซม. 9) ถ.บางแวก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึง สน.บางเสาธง ระดับน้ำ 40-80 ซม. 10) ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-60 ซม. 11) ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-80 ซม. 12) ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-70 ซม. 13) ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 80-150 ซม. ทิศตะวันออก ถนนสายหลัก ปิดการจราจร จำนวน 1 เส้นทาง 1) ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ ถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี ระดับน้ำ 50-60 ซม. ทิศตะวันออก ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 3 เส้นทาง 1) ถ.ราษฎร์อุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 70-80 ซม. 2) ถ.หทัยราษฎร์ ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถ.สุวินทวงศ์ ถึงซ.หทัยราษฎร์ 1 ระดับน้ำ 60-80 ซม. 3) ถ.ประชาร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-60 ซม. ทิศตะวันออก เส้นทางควรหลีกเลี่ยง รถยนต์ขนาดเล็กไม่ควรผ่าน 1) ถ.นิมิตรใหม่ ขาเข้า -ขาออก มีน้ำท่วมขังเป็นระยะตลอดสาย ระดับน้ำ 30 – 40 ซม. 2) ถ.เสรีไทย ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่แยกมีนบุรี ถึงนิคมอุตสาหกรรมาบางชัน ระดับน้ำ 40 ซม. 3) ถ.สวนสยาม ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่แยกสวนสยาม ถึง แยกรพ.นพรัตน์ ระดับน้ำ 20-30 ซม. 4) ถ.สุวินทวงศ์ บริเวณแยกมหานคร น้ำท่วมขัง ระยะทาง 300 เมตร ระดับน้ำสูงประมาณ 40 ซม. 5) ถ.เจ้าคุณทหาร ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ตัดถ.ร่มเกล้า ถึงตัดถ.ฉลองกรุง ระดับน้ำ 20- 40 ซม. ทิศตะวันตก-ใต้ ถนนสายทางรอง ปิดการจราจร 2 เส้นทาง 1) ถ.พัฒนาการ (บางแค) ขาเข้า – ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 80 ซม. 2) ถ.กำนันแม้น ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.เทอดไท ถึงตัด ถ.กัลปพฤกษ์ ระดับน้ำ 40-80 ซม. ทิศใต้ตะวันตก – ใต้ เส้นทางควรเลี่ยง รถยนต์ขนาดเล็กไม่ควรผ่าน 1.) ถ.กัลปพฤกษ์ ขาออก เลี้ยวซ้าย ถ.กาญจนาภิเษก- ไปถ.พระราม 2 ระดับน้ำ 20-30 ซม. ยาวประมาณ 500 ม. 2.) ถ.บางบอน 4 บริเวณตัดกับ ถ.เลียบคลองภาษีเจริญ ระดับน้ำ 40 – 50 ซม. ยาวประมาณ 500 ม. 3.) ถ.เทอดไท ตลอดสาย ระดับน้ำ 30 -60 ซม. 4.) ถ.บางแค –บางบอน(บางบอน 1 ) ขาเข้า – ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 30- 40 ซม. 5.) ถ.เอกชัย ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.บางบอน 1 ถึงถ.เอกชัย ซ.66 ระดับน้ำ 30 – 40 ซม. 6.) ถ.บางขุนเทียน ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ ตัด ถ.เอกชัย ถึงทางรถไฟสายใต้ ระดับน้ำ 15 ซม. 7.) ถ.กำนันแม้น ขาเข้า – ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กัลปพฤกษ์ ถึงตัด ถ.เอกชัย ระดับน้ำ 15- 30 ซม. เส้นทางเลี่ยงที่ใช้การได้ ทิศเหนือ 1) ดอนเมืองโทลเวย์ ขึ้นด่านดินแดง – ลงสุดทางบริเวณโรงกษาปณ์ (การจราจรติดขัด รถขนาดเล็กผ่านไม่สะดวก) 2) ถ.วิภาวดีรังสิต แยกดินแดง ถึงบริเวณแยกสุทธิสาร 3) ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัย – ถึงบริเวณแยกสะพานควาย 4) ถ.ลาดพร้าว แยกบางกะปิ – ถึงแยกโชคชัยฯ 5) ถ.รามอินทรา ตั้งแต่ กม.8 ถึง แยกมีนบุรี 6) ถ.นวมินทร์ แยกลาดพร้าว ถึงแยกเกษตรนวมินทร์ 7) ถ.ประเสริฐมนูญกิจ(เกษตรนวมินทร์ ) ตั้งแต่แยกลาดปลาเค้า ถึง ถ.นวมินทร์ เส้นทางเลี่ยงที่ใช้การได้ ทิศตะวันออก 1) ถ.เลียบท่างด่วนรามอินทราฯ ตลอดสาย 2) ถ.รามคำแหง ตลอดสาย 3) ถ.ศรีนครินทร์ ตลอดสาย 4) ถ.มอเตอร์เวย์ ตลอดสาย 5) ถ.วงแหวนตะวันออก(ใต้) ตั้งแต่ทางต่างระดับรามอินทรา ถึงทางขึ้น-ลงสุขสวัสดิ์บางขุนเทียน 6) ถ.บางนาตราด ตลอดสาย 7) ถ.บูรพาวิถี ตลอดสาย 8. ถ.ลาดกระบัง ตลอดสาย 9) ถ.อ่อนนุช ตลอดสาย 10) ถ.สุขุมวิท ตลอดสาย ทิศตะวันตก-ใต้ 1) ถ.พระราม 2 ตลอดสาย ทิศตะวันตก 1) ถ.ราชพฤกษ์ ตั้งแต่ ถ.เพชรเกษม – ถ.กรุงธนบุรี – สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน(สาทร) …………………………………………………………………………………………………………………………. สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใช้การได้ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทางพื้นราบ มี 8 สะพาน 1) สะพานพุทธฯ 2) สะพานพระปกเกล้าฯ 3) สะพานตากสิน(สาธร) 4) สะพานกรุงเทพ 5) สะพานพระราม 3 6) สะพานภูมิพลฯ(วงแหวนอุตสาหกรรม) 7) สะพานกรุงธน 8. สะพานพระราม 7 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด่วนพิเศษ มี 2 สะพาน 1) สะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) 2) สะพานทางพิเศษสายบางพลี – สุขสวัสดิ์ …………………………………………………………………………………………………………………………. เส้นทางที่มีระดับน้ำลดลง ( เปิดการจราจรอย่างไม่เป็นทางการ ) 1) ถ.จรัญสนิทวงศ์ 1.1) ถ.จรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 90 (รพ.ยันฮี )และ ถ.จรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่ ซอย จรัญสนิทวงศ์ 77 – แยกบางพลัด – แยกบรมราชชนนี 1.2) ถ.ราชวิถี ตั้งแต่เชิงสะพานกรุงธน ถึงแยกบางพลัด 2) ถ.บรมราชชนนี 2.1) ถ.บรมราชชนนี ตั้งแต่แยกบรมราชชนนี ถึงหน้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 3) ถ.ราชพฤกษ์ ตลอดสาย   Mthai News
หนึ่งในมหาลัยที่สวยและดีที่สุดในโลกด้านธุรกิจ University of Virginia
 มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย โทมัส เจฟเฟอร์สัน ในเมืองชาร์ลอตส์วิลล์ ในรัฐเวอร์จิเนีย ในปี พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย มีชื่อเสียงในด้านกฎหมาย สถาปัตยกรรมศาสตร์ ปรัชญา และดาราศาสตร์ ถือเป็นสถาบันแรกในสหรัฐที่บุกเบิกการสอนวิชาปรัชญาและดาราศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในสหรัฐที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก อีกทั้ง มหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย   University of Virginia (Darden School of Business)   Darden School of Business ก่อตั้งใน ปี ค.ศ. 1954 เป็น Business school ของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ที่ติดอันดับ Top 10 ของ Business School ที่ดีที่สุดของอเมริกา สถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ (Charlottesville) ในรัฐเวอร์จิเนีย  มีพื้นที่ประมาณ 340,000 ตารางฟุต มีหอประชุมมัลติมีเดีย 500 ที่นั่ง วิชาการ Darden มีศูนย์วิจัยที่ดีหลายแห่งที่เน้นเรื่องการพลักดันและจัดการเศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการวิจัยในเรื่องการประกอบการและนวัตรกรรม จริยธรรมทางธุรกิจ และ สถานการณ์ต่างประเทศ ระบบการเรียนการสอนของที่นี่จะเน้นการศึกษาแบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาทางธุรกิจจากกรณีศึกษา  อีกทั้งที่นี้ยังเป็น Business School ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา เป็นที่แน่นอนว่าแหล่งค้นคว้าข้อมูลรวมถึงข้อมูลนั้นต้องเป็นที่ดีเยี่ยมอย่างแน่นอน เนื่องจากที่นี้เน้นการเรียนการสอนแบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ อีกทั้งยังเน้นในเรื่องของการค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ทำให้การใช้ชีวิตนักศึกษาที่นี้เกิดความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการเกื้อกูลกัน และมี Connection กันอย่างเหนียวแน่น และเนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนักเรียนที่มาจากทั่วโลกทำให้นักเรียนที่จบจากที่นี่กระจายอยู่ทั่วโลก จึงเป็นประโยชน์กับนักเรียนที่จบการศึกษาจากที่นี่ ชีวิตนักศึกษา นักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นขาวอเมริกัน มีนักเรียนต่างชาติมากถึง 35 ประเทศทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศในแถบเอเชีย (17%) ในปี 2010 มีนักเรียนทั้งหมด 339 คน เป็นนักเรียนหญิง 99 คน (29%) และนักเรียนชาย (71%) อายุโดยเฉลี่ยของนักเรียนที่นี่อยู่ที่ 27 ปี และมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากการเรียนการสอนของที่นี่เน้นในเรื่องของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การ Discuss case study กันในห้องเรียน จึงทำให้บรรยากาศในห้องเรียนเป็นไปด้วยความอบอุ่น หลังเลิกชั้นเรียนนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้เรียนรู้จากในชั้นเรียน บางครั้งอาจารย์ก็จะให้มีการทำงานเป็นกลุ่ม จึงทำให้นักศึกษาที่นี่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก กิจกรรมของที่นี่นอกจากในห้องเรียนยังมีกิจกรรมอื่นๆนอกห้องเรียน โดยมีชมรมมากกว่า 40 ชมรม หลักสูตร 1. MBA 2. MBA Dual Degree - MBA/JD - MBA/MD - MBA/MPH - MBA/MA in East Asian Studies - MBA/MA in Government or Foreign Affairs - MBA/ME - MBA/MSN - MBA/PhD 3. Global MBA for Executives 4. MBA for Executives 5. Executive Education 6. PhD ระยะเวลาการเปิดรับสมัคร จะอยู่ช่วงเดือน ตุลาคม – มีนาคม ของทุกปี (Fall semester) ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย หลักสูตรระดับปริญญาโทสำหรับนักศึกษาต่างชาติ (Non-resident) (หลักสูตร MBA) ค่าเรียนตลอดหลักสูตร (9 เดือน) ประมาณ $49,500 ค่าใช้จ่ายรวม ค่าครองชีพและค่าเอกสารการเรียน (9 เดือน) ประมาณ $24,000 คุณสมบัติของนักศึกษา 1. เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.10/4.00  ขึ้นไป โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40/4.00 2. ระดับภาษาอังกฤษ ที่นี้ไม่มีการกำหนดค่าขั้นต่ำของระดับภาษาอังกฤษ สามารถยื่นได้ทั้งคะแนน TOEFL และ IELTS ส่วน GMAT คะแนนจะอยู่ระหว่าง 650 ถึง 740 การเดินทาง การเดินทางสำหรับนักเรียนที่อยู่ทีนี่ถ้าไม่มีรถส่วนตัวอาจจะลำบากหน่อยเนื่องจากว่าไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองใหญ่ๆที่มีการเดินทางที่สะดวก แต่ที่นี่ก็มีรถเมล์วิ่งผ่านแต่อาจไม่มากเท่าเมืองใหญ่ๆ การเดินรถก็จะเป็นเวลาเหมือนเมืองอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้เมือง ใหญ่ๆ อย่าง Richmond ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง http://www.mbanewsthailand.com/2011/01/university-of-virginia-darden-school-of-business/
มหาวิทยาลัยออนไลน์แทบทุกมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนเรียนออนไลน์ตลอดทั้งปี
  โปรแกรมออนไลน์โดยทั่วไปจะหมายถึงการศึกษาระดับปริญญาระบบทางไกลที่ประหยัดเงินกว่า หรืออย่างน้อยค่าเล่าเรียนอัตราเดียวกับปริญญาแบบดั้งเดิม แต่ไม่ต้องจ่ายค่าหอพักและการเดินทาง ก็เป็นเรื่องน่าพิจารณา      มหาวิทยาลัยออนไลน์แทบทุกมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนเรียนออนไลน์ตลอดทั้งปี ซึ่งหมายความว่าสามารถสมัครได้ทันทีเมื่อพร้อมที่จะเรียน      มหาวิทยาลัยออนไลน์ส่วนใหญ่ยังจัดการเรียนการสอนระบบภาคการศึกษา นักศึกษาสามารถเข้าเรียนหลังจากที่ชั้นเรียนเริ่มไปแล้ว       ปัจจุบันมหาวิทยาลัยทั่วไปเปิดหลักสูตรออนไลน์เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักศึกษาจากทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่ม Ivy League ในประเทศสหรัฐอเมริกา       การศึกษาออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น มหาวิทยาลัยออนไลน์แนวหน้าอย่าง Kaplan University และ University of Phoenix ดึงดูดนักศึกษาต่างชาติจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยโหมโฆษณากลุ่มคนทำงานเป็นเป้าหมายหลัก      Eduventures บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านทิศทางการศึกษาในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา รายงานว่า การลงทะเบียนเรียนออนไลน์ในปี 2007 เพิ่มขึ้น 7%  ผลการสำรวจของสมาคมสโลน (Sloan) ช่วงปี 2009 ชี้ว่า การลงทะเบียนเรียนออนไลน์ในปี 2008 ไม่เพียงเพิ่มขึ้น 17% แต่นักศึกษาในชั้นเรียนปรกติของมหาวิทยาลัย 65% ยังลงเรียนหลักสูตรปริญญาโทออนไลน์ด้วย   เมื่อพิจารณาจากการลงทะเบียนโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ถือว่าการเรียนออนไลน์ได้รับความนิยมสูงมากเลยทีเดียว      City University of New York (http://online.sps.cuny.edu) เปิดหลักสูตรปริญญาตรีออนไลน์เต็มรูปแบบ 2 หลักสูตร ได้แก่      -BA degree in Communication and Culture      -BS online degree in Business      ทั้งสองหลักสูตรเป็นการเรียนออนไลน์ในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย นอกจากนี้ยังให้วิธีการที่ยืดหยุ่นและสะดวก สามารถปรับให้เหมาะกับผู้ที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน ค่าเล่าเรียน 435 ดอลลาร์สหรัฐ/หน่วยกิต (ราว 13,000 บาท/หน่วยกิต)       City University of New York เป็นระบบมหาวิทยาลัยรัฐของนครนิวยอร์กที่มีสำนักงานบริหารในยอร์กวิลล์ ในแมนฮัตตัน นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยกว่า 273,000 คน นักศึกษาในหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องและวิชาชีพ 273,000 คน      University of Notre Dame (www.notredameonline.com) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนโรมันคาทอลิกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอีกสถาบันที่จัดระบบการเรียนออนไลน์      สถานที่ตั้งอยู่ที่เมืองนอตเตรอะดาม บริเวณเมืองเซาท์เบนด์ รัฐอินดีแอนา ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2385 มีหลักสูตรให้เลือกในคณะธุรกิจ (Mendoza College of Business) โดยร่วมมือกับกลุ่มมหาวิทยาลัยพันธมิตร (University Alliance)      หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในสาขา Negotiation, Business Administration และ Leadership and Management แต่ละหลักสูตรใช้เวลาเรียน 25-30 ชั่วโมง เรียนจากโปรแกรมวิดีโอออนไลน์ 12 ชั่วโมง มีการทำแบบฝึกหัดและการสอบ      ทุกโปรแกรมได้รับการปรับปรุงจากหลักสูตรการสอนในชั้นเรียนปรกติ ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีการจำกัดเวลาที่ต้องเรียนจบหลักสูตรภายใน 8 สัปดาห์       หลักสูตร Executive Certificate in Negotiation      -Negotiation Essentials (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Advanced Negotiations (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Strategies for Conflict Management (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      ค่าเล่าเรียนรวม 5,940 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 198,200 บาท (ลงทะเบียนและจ่ายงวดเดียวได้รับส่วนลดเหลือ 4,995 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 149,850 บาท)      หลักสูตร Executive Certificate in Leadership and Management      -Effective Leadership (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Leading Teams and Organizations (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Executive Leadership Strategies (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      ค่าเล่าเรียนรวม 5,940 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 198,200 บาท (ลงทะเบียนและจ่ายงวดเดียวได้รับส่วนลดเหลือ 4,995 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 149,850 บาท)      หลักสูตร Executive Certificate in Business Administration      -Principles of Business (1,980 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Disciplines of Business (2,280 ดอลลาร์สหรัฐ)      -Applied Business Strategies (2,280 ดอลลาร์สหรัฐ)      ค่าเล่าเรียนรวม 6,540 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 196,200 บาท (ลงทะเบียนและจ่ายงวดเดียวได้รับส่วนลดเหลือ 5,995 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 179,850 บาท) http://www.elearneasy.com
เลือกเรียนต่อต่างประเทศอย่างไรดี
  การไปศึกษาต่อต่างประเทศ ณ เมืองที่มีมาตรฐานการศึกษาที่เป็นสากล  มีคุณภาพชีวิต อากาศ และสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์นี้ เพราะความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่ท่านจะได้รับขณะอยู่ต่างประเทศ คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมให้ท่านเป็นคนกล้าแสดงออก ฉลาด ทันโลก ทันสมัย มีระเบียบวินัย มีทัศนคติและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถพูด เขียนภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง คุณสมบัติและความสามารถที่ดีเหล่านี้ จะเป็นสิ่งเอื้ออำนวยโอกาสให้น้องๆได้ประสบความสำเร็จ มีอาชีพทางการงานและอนาคตที่ดี เป็นความภูมิใจของครอบครัว เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคมและประเทศชาติ  ทั้งนี้ไม่ใช่วิทยาการในประเทศจะสู้ต่างประเทศไม่ได้ เราควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกเรียนสาขาใด  จากอดีตจนถึงปัจจุบัน นักเรียนทุนรัฐบาลไทย มีการเดินทางไปศึกษาวิทยาการใหม่ ๆ ในต่างประเทศกันอย่างต่อเนื่อง   เรียนต่อสาขาอะไรดี ? น้องๆ ควรสรุปกับตัวเองให้ได้ก่อนว่าแผนการในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร การเลือกเรียนต่อในสาขาวิชาใดๆ ควรจะสัมพันธ์กับอาชีพในอนาคตของเรา ประเทศไหนดี ? ให้ใช้สาขาที่เราจะเรียนเป็นตัวตั้ง จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลว่ามีเปิดสอนที่ประเทศใดบ้างและหลักสูตรแตกต่างกันอย่างไร ทั้งนี้การเลือกประเทศ สภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม ภาษา วัฒนธรรม ก็เป็นสิ่งสำคัญ เราควรจะเลือกประเทศที่เราคิดว่าจะปรับตัวและอยู่ได้ตลอดระยะเวลาของการศึกษา มหาวิทยาลัยอะไร ? จากนั้นก็เริ่มดู List รายชื่อของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในสาขาที่เราอยากเรียน และดูเงื่อนไขการรับเข้าเรียน (entrance requirement) ประกอบด้วย บางมหาวิทยาลัยจะบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการคะแนน IELTS, TOEFL, GMAT, GRE เท่าไหร่ หรือเกรดเฉลี่ยรวมเท่าไหร่ในการสมัคร เช่น GPA 2.5, 2.7 หรือ 3.0 ขึ้นไป ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ? น้องๆ สามารถขอคำแนะนำจากอาจารย์ รุ่นพี่ที่รู้จัก คุณพ่อ คุณแม่ หรือเจ้าหน้าที่แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ ที่มีความรู้ในเรื่องการสมัครเรียนประเทศนั้นๆ หลังจากสรุปได้แล้ว ก็สามารถเริ่มขั้นตอนของการเตรียมตัวได้เลยค่ะ ประเทศออสเตรเลีย / นิวซีแลนด์ เปิดเรียนในเทอม 1 ประมาณเดือน February และเทอม 2 ประมาณเดือน July นักเรียนสามารถยื่นใบสมัครเมื่อยังไม่มีผลคะแนน IELTS ได้ หรือสามารถขอสอบ Placement test จากศูนย์แนะแนวศึกษาต่อที่เป็นตัวแทนของสถาบันที่เราต้องการสมัครได้ จะทำให้เราทราบระดับภาษาอังกฤษของเรา และสามารถไปเริ่มเรียนภาษา EAP ก่อนเข้าเรียนปริญญาโทได้ ประเทศอังกฤษ เปิดเรียนเทอม 1 ประมาณเดือน September (Autumn) และ เทอม 2 ประมาณเดือน January/ February (Spring) มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะรับนักศึกษาเข้าเรียนในเทอม September ของทุกปี จะมีบางมหาวิทยาลัยและบางหลักสูตรเท่านั้นที่เปิดรับในเทอม January ประเทศสหรัฐอเมริกา / แคนาดา เปิดเรียนเทอม 1 ประมาณเดือน August (Fall) และเทอม 2 ประมาณเดือน January (Spring) มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ จะเปิดรับ ในเทอม August แต่ก็มีหลายมหาวิทยาลัยเช่นกันที่เปิดรับสมัครในเทอม Spring บางมหาวิทยาลัยแบ่งภาคการศึกษาเป็นระบบ Semester (3 เทอมต่อปี) บางแห่งเป็นระบบ Quarter (4 เทอมต่อปี) การสมัครเรียนควรสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน เมื่อสรุปได้ว่าจะสมัครหลักสูตรไหนและประเทศใดแล้วควรมุ่งมั่นในสิ่งที่เราเลือกแล้ว น้องๆ ไม่ควรเปลี่ยนใจไปมา และ ไม่ควรตัดสินใจ ตามเพื่อน เราควรเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเรามากกว่า หากยังไม่พร้อมที่จะไปเรียนในระดับปริญญาโทเลยก็มีหลักสูตรอื่นๆ ให้เลือกเรียนที่หลากหลาย และค่าใช้จ่ายไม่สูง หรือ อยากเรียนหลักสูตร ระยะสั้นก็มีเปิดสอนทั่วโลก น้องๆ สามารถสอบถามและขอรายละเอียดหลักสูตร และค่าใช้จ่ายโดยประมาณ จากเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศได้ค่ะ สอบถามข้อมูล โปรโมชั่น เรียนต่างประเทศ ราคาประหยัดได้ที่ OEC Global Education กรุงเทพ (02) 720 6844 -6 เชียงใหม่ 053 289107-8 ข้อมูลโดย คุณกุมาริล เตริยาภิรมย์    (Senior Counselor) ศูนย์ศึกษาต่อต่างประเทศ  OEC Global Education อาคาร UNISERV (IC เดิม) ซอยข้างหอประชุม ม.ช. โทร.053-942894-5, 084 0433100
Study in IMI Universty Swiss
  SchoolnameIMI University TypeUniversity CityLucerne LocationLucerneInternational Hotel Management Institute Switzerland, Lucerne Seeacherweg 1, 6047 Kastanienbaum - Lucerne – Switzerland GALLERYPhoto Gallery   IMI University( International Hotel , Tourism , Event and Culinary Management Institute Switzerland ) "passion for hospitality" IMI university ตั้งอยู่ที่เมือง Lucerne ณ ใจกลางของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพียง 1 ชั่วโมงจากสนามบิน Zurich International ทำให้การเดินทางจากประเทศไทยไปได้อย่างสะดวกสบาย และเป็นโรงเรียนหนึ่งในไม่กี่แห่งที่เจ้าของเป็นชาวสวิสเซอร์แลนด์อย่างแท้จริง ทำให้รูปแบบการเรียนการสอน และวิชาการ เป็นแบบสวิสดั้งเดิม   Under the Best Condition เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของวิชา Tourism and Hotel Management และเป็นสถานที่ในการเรียนวิชาดังกล่าวที่ดีที่สุดในโลก IMI ตั้งอยู่ในสถานที่ๆใกล้กับตัวเมือง Lucerne เพี่ยง 10 นาที และมีแคมปัสสำหรับนักศึกษาที่สวยงามน่าอยู่ ให้บรรยากาศที่หรูหราแบบยุโรป เหมาะอย่างยิ่งกับการเรียนวิชาการโรงแรม Graduation & Career การเรียนที่ IMI นั้น นักศึกษานอกจากจะได้รับปริญญาจาก IMI แล้ว ในบางโปรแกรม ยังจะได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษควบไปอีกด้วย จุดเด่นที่ทำให้ IMI นั้นเหนือกว่าสถาบันอื่นๆ 1 การเรียนที่ IMI จะเปิดโอกาสในนักเรียนได้เข้าปฎิบัติงานจริงตลอดเวลา โดยสามารถทำงานในองค์กรที่ IMI ให้การรับรอง และได้รับค่าจ้างมาตรฐานสายอาชีพ ที่สำคัญทำให้นักเรียนมีประสบการณ์จริงในการทำงานก่อนสำเร็จการศึกษา 2 องค์กรที่ IMI ร่วมงานนั้นเป็นมืออาชีพในด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมอย่างแท้จริง อาธิเช่น โรงแรมในเครือ Kempinski , Radison ,Marriott และ Hilton , 3 การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 4 นักเรียนจะมีโอกาสในการเลือกเรียนภาษาที่ 3 ได้แก่ภาษา เยอรมัน สเปน หรือ ภาษาฝรั่งเศษ เพื่อเป็นประโยชน์แก่หน้าที่การงานในอนาคต 5 Double Degree นักเรียนสามารถได้ 2 ปริญญา ควบจากมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ 6 หลักสูตรการเรียนที่สนุกสนาน และค่าเรียนที่ไม่แพง เช่น การเรียนหลักสูตรปริญญาตรี ใช้เวลาเพียงแค่ 2.5 ปี และยังมีโอกาสในนักเรียนฝึกงานโดยได้รับค่าจ้างอีกด้วย   วันเปิดภาคเรียน กุมภาพันธ์ และสิงหาคม ของทุกปี   สาขาที่เปิดสอน IMI Intensive English Certificate (IEC) IMI University English Preparatory Course (UEPC) Certificate (IMI Certificate) International Hotel and Tourism Management Diploma (Dual, IMI Diploma & MMU Certificate HE) International Hotel and Tourism Management Higher Diploma (Dual, IMI Higher Diplomas & MMU Diploma HE) International Hotel Management International Tourism Management International Hotel and Tourism Management International Hotel and Events Management International Tourism and Event Management European Culinary Management Bachelor Degree (Dual, IMI & MMU) International Hotel Management International Tourism Management International Hotel and Tourism Management International Hotel and Events Management International Tourism and Event Management European Culinary Management Restaurant Management Hospitality Entrepreneurship Postgraduate Diploma (IMI) International Hotel and Events Management Master Degree (Dual, IMI & MMU) MBA in International Hospitality Management **MMU, Manchester Metropolitan University Requirements for Admission Proficiency in English ( TOEFL 500, IELTS 5.0 หรือ 5.5) ค่าใช้จ่ายรวมค่าหอ   Registration fee (CHF) Tuition fee / Academic (CHF) Intensive English Certificate (4 Weeks) 480 2,300 University English Preparatory Course (12 Week) 1,440 5,900 Certificate 2,800 25,750 Diploma 2,800 25,750 Higher Diploma 2,800 25,750 Bachelor Degree 2,800 28,050 Postgraduate Diploma 2,800 25,750 MBA (สำหรับนักเรียนเก่า) 2,800 32,700 MBA (สำหรับนักเรียนใหม่) 2,800 35,700 *ค่าเล่าเรียนรวมค่าหอพัก (Standard Twin room)     ค่าหอพัก (เพิ่มเติมกรณีต้องการห้องที่ใหญ่ขึ้น) สำหรับหลักสูตร Certificate, Diploma, Higher Diploma, Postgraduate Diploma Programmes Type Fees / Semester (CHF) Twin with en-suit bathroom 600 Single (shared bathroom) 1,350 Single with en-suit bathroom 2,100 Supplement for a room in (3Star) Hotel Central 720   สำหรับหลักสูตร Bachelor Degree, MBA Programmes Type Fees / Semester (CHF) Twin with en-suit bathroom 500 Single (shared bathroom) 1,125 Single with en-suit bathroom 1,750 Supplement for a room in (3Star) Hotel Central 600 Dominic & Chang Corporation Co.,Ltd 50 GMM Grammy place, Sukhumvit 21(Asoke), Kholngtoeynua, Wattana, Bangkok 10110 +66 2 665 8188, +66 2 665 8189+66 2 665 8187 info@toeasteducation.com www.toeasteducation.com
จำเป็นไหมที่ต้องซื้อรถขับในอเมริกา
ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มาก การเดินทางไปไหนมาไหน ถ้าหากว่าเราอยู่ที่เมืองขนาดเล็กหรือขนาดกลางการเดินทางโดยรถสาธารณะอาจจะไม่สะดวก ด้วยความที่ชาวอเมริกันเป็นคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง ชอบมีบ้านเป็นของตัวเองมีสนามหญ้ากว้างๆ และแทบทุกคนในครอบครัวก็จึงมีรถยนต์เป็นของตัวเอง สำหรับน้องๆที่อยู่ที่อเมริกาหรือเคยไปอเมริกามาแล้วก็ต้องสังเกตเห็นได้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีรถยนต์เยอะมากๆ และถนนไฮเวย์ส่วนใหญ่ก็จะมีมากกว่า 4 เลน ทั้งนั้นเพราะฉะนั้น ในเมืองที่มีขนาดกลางถึงเล็กระบบคมนาคมสาธารณะก็จะไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นถ้าหากว่าเราได้ไปอยู่ในเมืองขนาดกลางถึงเล็กก็จำเป็นที่จะต้องมีรถขับเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหน ส่วนขั้นตอนในการซื้อรถที่จะแนะนำก็คือ 1.     การหาซื้อรถ พี่ๆ Advice for You ก็มีข้อแนะนำ 2 ข้อคือ  1.หาซื้อรถบ้าน 2.ซื้อตามดีลเลอร์ ถ้าหากว่าเราไม่รีบมากก็ค่อยๆหาซื้อรถบ้านก็ได้คะ เพราะว่าราคาประหยัด แล้วเราก็จะได้รู้ประวัติรถที่แท้จริงจากเจ้าของโดยตรง โดยวิธีการหาก็อาจจะเป็นการดูประกาศตามหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือทางอินเทอร์เน็ต ส่วนเว็บ Classified ที่โด่งดังมากในอเมริกาก็คือ http://www.craigslist.org/about/sites มีข้อมูลเยอะแยะมากมายเปรียบเหมือนกับ http://pantipmarket.com/ ที่บ้านเรา มีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ส่วนการหาซื้อที่ Dealer ก็ต่อรองเก่งๆหน่อยนะคะ เพราะว่าเค้าจะพูดจาหว่านล้อมอย่างมืออาชีพ เราอาจจะโดนเค้าเอาเปรียบได้ 2.     พอเราได้รถแล้วเราก็ต้องไปโอนรถให้เป็นชื่อของเรา ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วที่อเมริกาผู้ซื้อจะเป็นคนจ่ายค่าโอนเอง แต่ในกรณีที่เราไปซื้อที่ ดีลเลอร์ เราก็สามารถต่อรองได้คะ โดยการจดทะเบียนเราก็ต้องไปที่ DMV ของเมืองๆนั้น 3.     นอกเหนือจากได้รถมาแล้วเราต้องอย่าลืมคิดถึงเรื่องใบขับขี่นะคะ ในบางรัฐอย่างเช่น California เค้าจะไม่ยอมให้ใช้ใบขับขี่สากลเลย (ยกเว้นว่าเราจะเช่ารถขับ) เราก็ต้องไปสอบใบขับขี่ใหม่ที่นู่น 4.     สำคัญที่สุดเลยต้องทำประกันคะ เพราะเป็นกฎหมายเลยว่า ประกันขั้นต่ำที่เราต้องทำคือ liability ก็หมายถึงประกันชั้น 3 ต้องมีไว้เลยนะคะ เพราะว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และถ้าหากว่าเกิดขึ้นแล้วเราไม่มี เราก็จะโดนทั้งตำรวจปรับแล้วก็ต้องซ่อมรถให้กับฝ่ายตรงกันข้ามเอง ซึ่งค่าซ่อมก็จะแพงมากๆเพราะค่าแรงที่นู่นสูงมาก คราวนี้เรื่องใหญ่เลยหละคะ แต่พี่ๆ Advice for You ก็ต้องขอเตือนไว้นิดนึงนะคะว่าค่าใช้จ่ายจุกจิกที่จะเกิดขึ้นก็ต้องมีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถ ค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรืออาจจะมีการซ่อมรถเกิดขึ้น แต่รถที่นู่นก็ถูกกว่าบ้านเราเยอะจริงๆคะ น้องๆก็ลองพิจารณาดูนะคะว่าเราจำเป็นจะต้องซื้อและพร้อมที่จะซื้อหรือเปล่า และน้องๆคนไหนที่อยากจะไปผจญภัยลองขับรถที่อเมริกาดู ก็โทรมาปรึกษาพี่ๆ Advice for You ได้คะ โทร 02-552-5119 www.adviceforyou.co.th E-mail : info@adviceforyou.co.th Face Book: http://www.facebook.com/cherie.adviceforyou
CP Cherry Picking @ National Cherry Festival
ฉลอง Early Christmas เด็ดเชอร์รี่ลูกโตๆหวานๆ มาฝากคนที่เรารัก กับ CP Inter กันดีกว่า รับรองว่าสนุกสุดๆ !! CP Inter ขอเชิญชวนพี่ๆน้องๆนักศึกษานานาชาติร่วมฉลอง ปิดเทอมด้วยการไปเที่ยวชมเทศกาล National Cherry Festival ที่เมือง Young “Cherry Capital of Australia” กับทีมงาน CP Inter ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น!! ลิ้มรสหอมกลมกล่อม wine ดีๆ เด็ดเชอร์รี่ apricots กับ plums สดๆ ซื้อแยมรสแท้มาฝากเพื่อนฝูงกันให้สนุก อย่าพลาด รับจำนวนจำกัด (ไม่เป็นนักเรียนของ CP Inter ก็สามารถมาร่วมทัวร์ได้) $45 เท่านั้น (ไม่รวมค่าอาหารกลางวัน) CP Inter เป็นสปอนเซอร์เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และของรางวัล Lucky Draws 3 ธันวาคม 2011 รีบสำรองที่นั่งด่วนที่ CP SYDNEY  02-9267-8522 ช้าหมดอดสิทธิ์แน่นอน
ศปภ.แจง ภาพยกหูโทรศัพท์ออก ไม่ใช่ส่วนรับเรื่องร้องเรียน
    หลังจากเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ กรณีมีภาพที่ถูกส่งในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ว่ามีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ของ ศปภ. 1111 กด 5 ยกหูโทรศัพท์ออก ทำให้ไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อขอความช่วยเหลือเข้าไปได้ และมีข้อความว่า “แชร์ให้ทั่วโลกให้โลกได้รับรู้ ศปภ ไม่รับโทรศัพท์กลับนั่งเล่นเกมส์ จากรูป ยกหูออก แล้วนั่งเล่นเกม!!! ณ ศปภ ชั้น 15 ก.พลังงาน เวลาประมาณ 15.30 น.” ล่าสุด นายธงทอง จันทรางศุ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถ่ายบริเวณชั้น 15 อาคารเอเนอร์จี้ คอมเพลกซ์ ซึ่งเป็นที่ทำการของคอลล์เซ็นเตอร์ ศปภ.จริง โดยบริเวณดังกล่าวเป็นศูนย์ส่วนที่ 2 ที่รับช่วงต่อมาจากส่วนแรกที่เป็นหน่วย callcenter 1111 กด 5 ที่เป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนไว้และบันทึกข้อมูลลงในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อส่งต่อมายังคอลล์เซ็นเตอร์ของ ศปภ.ที่ปรากฎในภาพ ส่วนคอลล์เซ็นเตอร์ของ ศปภ.จะประสานงานต่อไปยังหน่วยงานของตนเอง ส่วนกรณีที่โทรศัพท์ของคอลล์เซ็นเตอร์ ศปภ.ยกหูค้างไว้นั้น เป็นโทรศัพท์ที่มีไว้สำหรับโทรออกเพื่อประสานงานกลับไปยังหน่วยงานของตัวเองเท่านั้น และหน่อยงานดังกล่าวไม่ได้เป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน   อย่างไรก็ตาม หลังจากภาพดังกล่าวถูกส่งต่อออกไป ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ออกมาอธิบาย ว่า “ขอ โทษนะคะที่มาทำงานที่นี่ก็ไม่ได้อยู่สีแดงนะคะ มาเพราะองค์กรให้มาช่วยทำงานและตั้งใจที่จะมาช่วยเหลือจริงๆ พวกเราทำงานกัน 24 ชม.นะคะ แล้วที่ชั้น 15 เนี่ย จะไม่ใช่ call center 1111 กด 5 เราจะรับเรื่องจาก 1111 กด 5 อีกทีค่ะ แล้วเราก็จะประสานตามหน่วยงาน กรม กระทรวงต่างๆ และที่ต้องยกหูออกเพราะส่วนนี้จะเป็นเบอร์ตรงนะคะ คือเราจะรับงานต่อจาก 1111 กด 5 อย่างเดียว จะไม่มีการรับจากเบอร์ตรง เพราะไม่อย่างนั้นประชาชนที่ไม่ทราบเบอร์ตรงก็ลำบากสิคะ ส่วนที่เราติดต่อกลับประชาชนไปแล้ว แล้วเค้าเอาเบอร์ตรงไปบอกต่อ แล้วจะมีสายเข้ามาเยอะมากทำให้เราประสานกับพื้นที่ลำบากขึ้นเค้าก็เลยให้ยก หูออกน่ะค่ะ” ขอบคุณภาพจาก เทวดาน้อย เว็บไซต์ pantip.com Mthai News
บทสัมภาษณ์นักศึกษา : การตลาด
    ชื่อ : อัครเวช นิรันดรพฤกษ์ ชื่อเล่น : ไต๋ จบการศึกษาจาก : Michigan State University, USA  หลักสูตรที่เรียน : Marketing ระดับการศึกษา : ปริญญาตรี ---------------------------------------- ทำไมถึงเลือกอเมริกาเป็นจุดหมายด้านการเรียนต่อ? เดิมทีไต๋เรียนอยู่ที่อังกฤษมาตั้งแต่อายุ 13 ปี  จากนั้นก็ย้ายมาเรียน High School ต่อที่สหรัฐอเมริกา  แม้ตอนแรกจะไม่ได้อยากย้ายมาเท่าไหร่ เพราะครอบครัวบังคับให้ย้าย  แต่พอปรับตัวได้ไต๋ก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายอีกต่อไป  เพราะถึงอเมริกาจะมีวิถีชีวิตที่ต่างจากอังกฤษ  แต่หลักสูตร Business ที่นี่ยากกว่า ท้าทายกว่า และคัดคนมากกว่า เพราะช่วง 2 ปีแรกทุกคนต้องเรียนวิชาทั่วไปพวกเลข หรือ พวกเคมีก่อน  แล้วพอปี 3 ถึงค่อยเลือกสาขาที่ต้องการเรียน ซึ่งไต๋ก็เลือก Marketing อย่างที่ไต๋ชอบ   ทำไมคุณถึงสมัครเข้าเรียนต่อในสาขานี้และเลือกเรียนในสถาบันการศึกษานี้? ไต๋เลือก Marketing เพราะไต๋สนใจด้าน Business อยู่ก่อนแล้ว เพราะครอบครัวทำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้า จึงอยากสืบทอดกิจการนี้ต่อ  รวมทั้งชอบทำงานกับผู้คน และชอบงานด้าน Creative ดังนั้น Marketing จึงตอบโจทย์ไต๋ตรงนี้ได้  ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนที่ Michigan State University  นั้นก็เพราะว่า ลุงของไต๋จบจากที่นี่มาก่อน จึงแนะนำที่นี่ให้รู้จัก  แล้วพอไต๋ได้มาดูสถานที่เรียนจริงๆ ได้มาดู Campus จริงๆ ไต๋ก็ยิ่งชอบมากขึ้นและประทับใจมากจนอยากมาเรียนที่นี่ นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังติดอันดับ TOP 20 ของอเมริกาอีกด้วย สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการเรียนในหลักสูตรของคุณ สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากการเรียน Marketing ก็คือ การได้ประสบการณ์จากการทำงานจริงๆ ไม่ใช่ได้จากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว  เพราะสาขานี้จะมี Class พิเศษที่ให้นักเรียนได้นำทักษะของตัวเองไปใช้ในการขายของกับลูกค้าจริงๆ  โดยสมัยไต๋นั้นอาจารย์ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่ม 3 คน ไปขายมีดเล่มละประมาณ 60-70 เหรียญ ให้ได้อย่างน้อย 900 เหรียญ  ซึ่งช่วงที่ไต๋เรียนมันเป็นช่วงปี 2008 ที่เศรษฐกิจไม่ดี  ดังนั้นการขายมีดเล่มละ 70 เหรียญจึงเป็นเรื่องยากมาก  แต่ถึงจะยากแต่ก็ต้องทำให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไม่ผ่านวิชานั้น  ซึ่งในที่สุดกลุ่มของไต๋ ก็ขายได้ทั้งหมด 1000 กว่าเหรียญ   ถึงจะไม่ได้สูงที่สุดในชั้นเรียน แต่ไต๋ก็สนุกกับมันมาก  ถึงแม้มันจะกดดันแต่เราก็ได้ใช้ความรู้และทักษะทั้งหมดที่เรามีมาใช้งานจริง   การเรียนการสอนที่นี่นับว่าแตกต่างจากประเทศไทยหรือไม่? ต่างมากนะ ถึงแม้ว่าสมัยเรียนอยู่ที่เมืองไทย ไต๋จะเรียนแต่อินเตอร์มาตลอด  แต่พอมาอยู่ที่เมืองนอกจริงๆ ปรากฏว่าไม่เหมือนกันเลย  วิธีการสอน ผู้คน เพื่อนฝูงและ Environment ก็ต่างกัน ที่นี่จะเป็นการสอนที่เราต้องมีความรับผิดชอบมาก เราต้องจัดการกับตัวเองให้ได้  แถมยังต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆอยู่ตลอด เพราะการมาอยู่ที่อเมริกา การเข้าร่วมกิจกรรมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามาอยู่แล้วไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย  ก็เหมือนกับเรามาอเมริกาแล้วไม่ได้อะไรกลับไป อีกทั้งกิจกรรมยังทำให้เราได้เพื่อน  ได้สังคมเร็วขึ้นอีกด้วย คุณพักอาศัยอยู่ที่ใด และสาธารณูปโภคของมหาวิทยาลัยคุณเป็นอย่างไร ? ไต๋อยู่หอพักของมหาวิทยาลัย  เพราะมหาวิทยาลัยห้ามนักเรียนเช่าอพาร์ทเมนท์ข้างนอกในช่วงปีแรก  โดยหอพักที่ไต๋อยู่เป็นหอพักพิเศษที่อยู่ติดกับ Business School เป็นหอพักสำหรับนักเรียนที่อยากเรียน Business โดยเฉพาะ ซึ่งเขาคัดมาเฉพาะ 50 คนเท่านั้น  ซึ่งถือว่าไต๋โชคดีมาก เพราะระหว่างที่อยู่ที่หอก็จะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย  หอพักที่มีเพียงแค่ 50 คนจึงสนิทกันเร็วเป็นพิเศษ    ส่วนเรื่องของสาธารณูปโภคนั้น ถือว่าดีเลยละ  เพราะมหาวิทยาลัยจะมีการปรับปรุงบ่อยครั้ง  ถึงแม้ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะอาด มีการทำความสะอาดอยู่ตลอด  ส่วนเรื่องของอาหารก็เป็นในรูปแบบ Buffet ใครอยากกินอะไรก็กินไม่อั้น มีให้เลือกได้ตามแต่ชอบ ถึงแม้จะเป็น Vegetarian ก็สามารถหาอาหารทานได้สะดวก  นอกจากนี้มหาวิทยาลัยก็ยังมี Bus คอยรับส่งเด็กนักเรียนรอบมหาวิทยาลัยทุกๆ 5 นาทีอีกด้วย    คุณจ่ายค่าเล่าเรียนของคุณอย่างไร? ไต๋มาเรียนที่นี่ด้วยเงินทุนของครอบครัว  แต่ไต๋ก็ได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัย 2 ทุน คือ ทุน Presidential Study Abroad Scholarship และ Global Spartan Scholarship    ซึ่งช่วยในเรื่องค่าเล่าเรียนส่วนหนึ่ง   คุณทำอะไรต่อเมื่อคุณเรียนจบหลักสูตร? เมื่อเรียนจบ ไต๋ก็ได้ฝีกงานที่ Ford Motor Company เป็นเวลา 1 ปี  ซึ่งการได้มาฝึกงานที่นี่ก็ทำให้ได้เรียนรู้งานหลากหลาย  เพราะเขาจะให้ย้ายแผนกทุกๆ 3 เดือน  โดยงานแรกไต๋ได้ทำตำแหน่ง Marketing ตามที่จบมา จากนั้นก็ย้ายไป Supply Chain แล้วไปจบที่ Management    เมื่อไต๋กลับเมืองไทย ไต๋วางแผนไว้ว่าจะกลับมาเปิดธุรกิจด้านโรงแรมหรือไม่ก็ร้านอาหาร  เพราะเป็นสิ่งที่ชื่นชอบ   คุณประทับใจอะไรในอเมริกา? ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวหรืออาหารสำหรับไต๋แล้ว ไม่ค่อยแปลกใจหรือตื่นเต้นเท่าไหร่นัก  ในเรื่องของผู้คนมากกว่าที่ไต๋ชอบ  เพราะคนอเมริกันทุกคนจะมี “American Dream” ที่ทุกคนต้องตามหาและทำให้เป็นจริง  ทุกคนอยากมีครอบครัว มีลูก และมีบ้านเป็นของตัวเอง  ขอแค่อยู่ในชนชั้น Medium Class และไม่มีหนี้ก็เพียงพอ   ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไต๋ประทับใจ   ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากให้นักเรียนไทยไปเรียนที่อเมริกามากขึ้นหรือไม่? อยากให้คนมาเรียนที่อเมริกากันเยอะๆ  เพราะที่นี่เป็นประเทศที่เปิดกว้าง  ที่นี่สร้างคนให้เป็นคนมี Idea เป็นคนที่สร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเอง และมีคาแรกเตอร์   คำแนะนำที่จะให้กับนักเรียนไทยที่อยากไปเรียนที่อเมริกา สำหรับน้องๆที่มาเรียนที่เมืองนอกเป็นครั้งแรก  แนะนำว่าควรต้องทำ Research มาให้ดีก่อน ทั้งเรื่องของอาหาร อากาศหรือวัฒนธรรมต่างๆ  รวมทั้งต้องคิดก่อนว่าเราพร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเองแล้วหรือยัง เพราะการมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ไม่มีใครมาคอยดูแล แต่เราต้องดูแลตัวเอง  นอกจากนี้เมื่อมาอยู่แล้ว  เราต้องพยายามเปิดใจเข้าหาคนอื่นก่อน แทนที่จะรอคนเข้ามาหาเรา  แล้วเราจะมีเพื่อน  และสุดท้าย พยายามเข้าร่วมกิจกรรมหรือชมรมต่างๆให้เยอะๆ  กิจกรรมที่ไม่เคยคิดว่าจะทำ ก็ทำซะ  เพราะนอกจากจะได้เพื่อนแล้ว ยังได้ประสบการณ์ และยังทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นด้วย http://www.hotcourses.in.th/study-in-usa/case-studies/student-spotlight-marketing-in-us/
ทุนการศึกษาและเงินสนับสนุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ
      ทุนการศึกษาและเงินสนับสนุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ       ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับการเรียนต่อของนักเรียนต่างชาติ  ด้วยความที่มีหลักสูตรที่กว้างขวางและหลากหลาย  รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนที่มีคุณภาพระดับสากล  ซึ่งสิ่งนี้ก็ย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายราคาแพงเช่นกัน  ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย ที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000 เหรียญ – 60,000 กว่าเหรียญต่อปี   นอกจากนี้การเข้าถึงตัวช่วยเรื่องเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาหรือเงินช่วยเหลือต่างๆ ก็มีน้อยและเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนต่างชาติ   จึงทำให้ทุนที่เปิด มีการแข่งขันและมีความต้องการสูง  แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะยังคงมีความช่วยเหลืออื่นที่เปิดรอคุณอยู่       โดยส่วนมากแล้ว สัญชาติของคุณไม่ได้มีผลต่อคุณสมบัติในการขอความช่วยเหลือด้านเงินทุน  แต่อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่มาจากประเทศที่สหรัฐอเมริกากำหนดไว้ในโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา จะมีโอกาสในการได้รับเงินทุนมากกว่า  ดังนั้น คุณควรติดต่อไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย  เพื่อถามข้อมูลดูว่ามีทุนการศึกษาอะไรสำหรับนักเรียนจากเมืองไทยโดยเฉพาะหรือไม่   การช่วยเหลือ       การช่วยเหลือทางเงินทุนนั้น จะมีความแตกต่างกันไปแต่ละสถานศึกษา  โดยประเภทของสถานศึกษาที่คุณเลือกจะมีผลมากต่อเงินช่วยเหลือที่คุณจะได้รับ   สถานศึกษาส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีทุนการศึกษาที่คัดเลือกจากคุณงามความดี  แต่จะมีทุนการศึกษาที่ช่วยเหลือด้านผู้ที่ขาดแคลนมากกว่า   โดยสองสถานศึกษาที่มีการปรับปรุงเรื่องวิธีช่วยเหลือ คือ มหาวิทยาลัย Columbia และ Princetonด้วยการมอบเงินช่วยเหลือและงานให้กับนักเรียนผู้เหมาะสม   การสมัครขอรับเงินช่วยเหลือ       สิ่งแรกคือคุณต้องติดต่อไปยังสถาบันการศึกษาโดยตรง  และให้ข้อมูลพวกเขาว่าคุณต้องการสมัครเรียนในหลักสูตรอะไร และมีทุนการศึกษาอะไรบ้างที่คุณสามารถสมัครได้   เพราะนี่เป็นการประหยัดเวลาและยังช่วยป้องกันคุณจากการหลอกลวงตามเว็บไซต์ต่างๆได้       เคล็ดลับสำคัญ : ถ้าคุณต้องจ่ายเงินเพื่อการรับทุนการศึกษานั้นๆ คุณอาจกำลังโดนหลอก และขอให้หลีกเลี่ยงมันเสีย เราขอแนะนำเว็บไซต์ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการมองหาทุนการศึกษาสำหรับคุณ Funding Study  International Scholarships รายชื่อของเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนต่างชาติ    โครงการ Fullbright       ถึงแม้ทุนการศึกษาในสหรัฐอเมริกานั้น  จะมีทุนการศึกษาที่มอบให้กับนักเรียนต่างชาติอยู่ไม่มากนัก  แต่ก็ยังมีทุนการศึกษาหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเด็กไทยมาโดยตลอด นั่นก็คือ The Fullbright Program ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ความร่วมมือถึง 155 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย   โดยทุนของโครงการ Fullbright นั้นมีหลากหลายหลักสูตร จึงทำให้มีการแข่งขันกันอย่างสูงในการขอรับทุนนี้   เงินช่วยเหลือ       ถ้าคุณไม่สามารถขอรับทุนได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าความฝันของคุณจะล่มสลายไป  เพราะยังวิธีอื่นๆอีกในการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆของคุณในประเทศนี้   นอกจากนี้ยังคงมีข่าวดี คือ ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี  จะมีเงินช่วยเหลือเพื่อการเรียนต่อระดับปริญญาโทมากกว่านักเรียน High School สำหรับการเรียนต่อระดับปริญญาตรี   ซึ่งเป็นเพราะระบบการศึกษาของอเมริกาเน้นย้ำไปยังการศึกษาระดับสูงมากกว่า  แต่อย่างไรก็ตาม จะดีกว่าถ้าคุณตรวจสอบรายละเอียดไปแต่ละมหาวิทยาลัย เพราะแต่ละที่อาจจะมีทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยเองเปิดอยู่ก็ได้       ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือ การกู้เงิน  วิทยาลัยส่วนมากจะมีรายชื่อของผู้ให้ความช่วยเหลือทางเงินกู้  ที่นักเรียนเก่าๆเคยกู้มาก่อน   โดยส่วนมากจะเป็นบริษัทของอเมริกาและคุณจำเป็นต้องมีพลเมืองอเมริกันมาเซ็นค้ำประกันก่อน ถึงจะได้รับการอนุมัติ   อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆอีกมาก เช่นมหาวิทยาลัย Harvard ที่ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ JPMorgan Chase ในการให้เงินกู้ยืมสำหรับนักเรียนระดับปริญญาตรีและนักเรียนผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ  โดยพวกเขาจะสนับสนุนและเป็นหลักประกันให้กับนักเรียนต่างชาติ   เชื่อมั่นในตัวเอง       นักเรียนต่างชาติมักจะถูกมองจากสถานศึกษาว่าเป็นนักเรียนที่มีความกระตือรือร้น เอาใจใส่กับการเรียน และต้องการมีอนาคตที่สดใส   และด้วยเหตุนี้ สถาบันการศึกษาและบริษัทเอกชนหลายแห่งจึงมีการจัดตั้งเงินช่วยเหลือเพื่อมอบให้กับนักเรียนที่มีศักยภาพเหล่านี้   ขอเพียงคุณมีความมั่นใจในความสามารถของคุณ และจำไว้ว่าต้องแสดงออกว่าคุณเป็นคนมองการณ์ไกลเสมอ  แล้วคุณจะได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น แล้วพวกเขาจะเข้ามาช่วยเหลือและลงทุนในอนาคตร่วมกับคุณ http://www.hotcourses.in.th/study-in-usa/student-finance/scholarships-and-funding-for-international-students/
สหรัฐอเมริกากับความสนใจของนักศึกษาต่างชาติ
    จากรายงานของ The Open Doors เมื่อเร็วๆนี้ จุดเด่นของรายงานได้แสดงแนวโน้มความสนใจของจำนวนนักศึกษาต่างชาติในการเลือกเรียนต่อที่อเมริกา โดยในรายงานแสดงให้เห็นว่าอเมริกายังคงความน่าสนใจสำหรับนักศึกษาต่างชาติจากทั่วโลก ด้วยจำนวนนักศึกษา 52% จากประเทศจีน อินเดีย เกาหลีใต้ แคนาดา และไต้หวัน ดูเหมือนว่าสถาบันการศึกษาของอเมริกาได้รับความนิยมจากนักศึกษานานาชาติมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม The Open Doors Report ได้ถูกตีพิมพ์โดยสถาบันการศึกษานานาชาติ ซึ่งได้ทำการสำรวจเชิงสถิติรายปีของนักศึกษานานาชาติในอเมริกาและได้รายงานผลมาตั้งแต่ปี 1949 ได้แสดงให้เห็นถึงจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในอเมริกามีจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในปี 2009/10 ซึ่งมากกว่าในปีก่อนหน้านี้ ทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติในอเมริกามีมากถึง 690,923 คนเลยทีเดียว หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่สนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกา คุณควรทราบว่าที่สถาบันการศึกษาแห่งใดมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติอยู่มาก ซึ่งจะทำให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับวิทยาเขตที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจและสามารถกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ได้ จากจุดเด่นของรายงานใน The Open Doors แสดงให้เห็นว่าสถาบันการศึกษาสามารถดึงดูดความสนใจของนักศึกษาต่างชาติ และนี่คือรายชื่อของมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติเรียนอยู่มากที่สุด สถาบันการศึกษาของอเมริกาที่มีนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด 1. มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) 7,987 คน 2. มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออบานาแคมเปญ University of Illinois - Urbana-Champaign) 7,287 คน 3. มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค (New York University) 7,276 คน 4. มหาวิทยาลัยเพอร์ดู วิทยาเขตหลัก (Purdue University - Main Campus) 6,903 คน 5. มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) 6,833 คน 6. มหาวิทยาลัยมิชิแกน แอน อาร์บอร์(University of Michigan - Ann Arbor) 6,095 คน 7. มหาวิทลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลีส (University of California - Los Angeles) 5,685 คน 8. มหาวิทยาลัยมิชิแกนสแตท (Michigan State University) 5,358 คน 9. มหาวิทยาลัยเทกซัส ออสติน (University of Texas - Austin) 5,265 คน 10. มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) 5,172 คน 11. มหาวิทยาลัยฟลอริด้า (University of Florida) 4,920 คน 12. มหาวิทยาลัยซันนี่ ที่บัฟฟาโล (SUNY University at Buffalo) 4,911 คน ที่มา: Open doors 2010 fast facts นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังได้รายงานว่า สาขาวิชาธุรกิจและวิทยาศาสตร์ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักศึกษาต่างชาติที่กำลังมองหาที่เรียนในสถาบันการศึกษาของอเมริกา สาขาธุรกิจและการจัดการ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์กายภาพและสิ่งมีชีวิต คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตรคอมพิวเตอร์ และสังคมศาสตร์ เป็นสาขาวิชาห้าอันดับแรกที่นักศึกษาต่างชาติเลือกเรียนมากที่สุดในอเมริกา เวลาเก้าปีที่ผ่านมา จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในอเมริกานั้นเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา หลังจากที่สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาตรีในประเทศของตนเองแล้วนักศึกษาจะเลือกเรียนต่อที่อเมริกา ที่ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนต่อในระดับบัณฑิตศึกษา จากข้อเท็จจริง ในปีการศึกษา 2009/10 นักศึกษาต่างชาติจำนวน 290,000 คน ได้เลือกเรียนในระดับบัณฑิตศึกษาในอเมริก ค่าเล่าเรียนในอเมริกานั้นนับได้ว่าแพงเอาการ และดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกที่ถูกและราคาค่าเรียนในระดับปริญญาก็สูงเป็นอย่างมาก แต่ไม่ต้องตกใจเพราะว่าเมื่อคุณเรียนจบมันจะจ่ายคืนในกาลข้างหน้า วุฒิการศึกษาที่ได้จากมหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นมีค่าและถือเป็นการลงทุนให้กับอนาคตของคุณ ไม่เช่นนั้นแล้วเหตุใดนักเรียนต่างชาติจำนวนมากมายยอมจ่ายเงินเพื่อมาเรียนและเสียค่าครองชีพที่แพง ในรายงานยังได้ทำการสำรวจการจ่ายค่าเทอมของนักศึกษาต่างชาติในปี 2008/09 และ 2009/10 พบว่านักศึกษาต่างชาติมากกว่า 60% ได้ใช้เงินเก็บของตัวเองหรือของครอบครัวจ่ายเพื่อการเล่าเรียนในอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนโดยมีทุนการศึกษาของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มอบให้กับนักศึกษาต่างชาติ โดยเกือบหนึ่งในสี่ของนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายค่าเล่าเรียนโดยการได้รับทุน สถาบันการศึกษาของอเมริกาได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำของโลกที่สามารถดึงดูดนักศึกษาต่างชาติให้เข้ามาเรียนได้ โดยแย่งส่วนมาจากประเทศสิงโตคำราม อังกฤษ ใครจะรู้ว่าแนวโน้มความสนใจนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เราๆท่านๆคงจะต้องรอดูกันต่อไป http://www.hotcourses.in.th/study-in-usa/study-guides/us-a-magnet-for-overseas-students/
เอกสารการยื่นวีซ่าอเมริกา
สำหรับผู้ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งต้องมีวีซ่าเข้าประเทศ เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ที่ประเทศสหรัฐฯ กำหนดให้ผู้ที่เดินทาง ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ ไม่ว่าเพื่อศึกษา ท่องเที่ยวหรือธุรกิจ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายวีซ่าประเทศสหรัฐฯ แต่ทว่าขั้นตอนการดำเนินการส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม คำเตือน: โปรดระวังมิจฉาชีพ เสนอโปรแกรมวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯพิเศษ และร้องข้อข้อมูลส่วนบุคคล อีกทั้งค่าสมัครจากท่าน โปรดทราบว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้มาจากสถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หรือ สถานกงสุลใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แต่อย่างไร หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ http://bangkok.usembassy.gov/news/press/2005/nrot063.htm ประกาศผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับผู้ทำงานด้านศาสนา (วีซ่าประเภทอาร์)ผู้ทำงานด้านศาสนา (วีซ่าประเภทอาร์) ต้องเลือกประเภทวีซ่าแบบ ผู้เข้าไปทำงานชั่วคราว และต้องมีแบบฟอร์ม ไอ-797 ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว และ แบบฟอร์ม “Notice of Action/ Approval” จึงจะสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภทนี้ได้   ตัดสินใจว่าจะสมัครที่ใด การสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าส่วนใหญ่จะจัดที่ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ (U.S. Embassy in Bangkok) ผู้ยื่นคำร้องที่อาศัยและทำงานใน 15 จังหวัดตอนเหนือสุดของประเทศ สามารถยื่นขอรับการสัมภาษณ์ของตนได้ที่ สถานกงสุลสหรัฐฯ ประจำเชียงใหม่ (U.S. Consulate in Chiang Mai) หากอาศัยหรือทำงาน/ศึกษาเป็นเวลาอาศัยอย่างน้อย 3 เดือนในรอบปีปฏิทิน 12 เดือนก่อนหน้า ใน 15 จังหวัดต่อไปนี้: เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา ตาก เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร น่าน พิจิตร แพร่ ลำปาง เพชรบูรณ์ พิษณุโลก   ผู้ยื่นคำร้องที่ยื่นเอกสารในจังหวัดเชียงใหม่ต้องนำเอกสารมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างเรื่องที่พำนักในจังหวัดเหล่านั้น การมีทะเบียนบ้านอยู่ 1 ใน 15 จังหวัดทางเหนือ ไม่เพียงพอที่จะทำให้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับการนัดสัมภาษณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ สถานกงสุลจะไม่ดำเนินการตามการนัดหมายกับคุณ หากไม่มีเอกสารมาแสดงว่า คุณปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ในวันสัมภาษณ์ บุตร/นักเรียนที่อาศัยหรือเรียนอยู่นอกจังหวัดเหล่านี้ อาจยื่นคำร้องในจังหวัดเชียงใหม่ได้ หากผู้ปกครองทำงานหรืออาศัยอยู่ใน 1 ใน 15 จังหวัดที่กล่าวมาข้างต้น หากผู้ยื่นคำร้องไม่มีกำหนดนัดหมายในวันนั้น หรือไปถึงก่อนเวลาหลายชั่วโมง เขาหรือเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปในสถานทูต แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า (ดีเอส-156, ดีเอส- 157, ดีเอส- 158) แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า แบบฟอร์มดังต่อไปนี้ จะถูกแสดงในรูปแบบ PDF ท่านสามารถเปิดดู โดยใช้ โปรแกรม Adebe Acrobat Reader ถ้าท่านไม่มีโปรแกรมนี้ ท่านสามารถขอดาว์นโหลดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจาก เว็บไซต์ http://www.adobe.com/products/acrobat/readstep.html ดีเอส-156 แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว แบบฟอร์มนี้สำหรับผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว ดีเอส- 157 แบบฟอร์มเสริมสำหรับวีซ่าชั่วคราว แบบฟอร์มนี้สำหรับผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว ดีเอส-158 ข้อมูลสำหรับ แบบฟอร์มนี้สำหรับนักเรียนทุกคน (เอฟ และ เอ็ม) และ ผู้ยื่นคำร้องในโครงการแลกเปลี่ยน (เจ) ระเบียบการและเอกสารยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศ อเมริกา ข้อมูลระเบียบการค่าธรรมเนียมล่าสุดให้ท่านใช้ข้อมูลจากเว็บสถานทูต เนื่องจากได้มีระเบียบการยื่นขอวีซ่า จองคิว ผ่านอินเตอร์เน็ต ข้อมูลในหน้านี้ป็นเพียงคำแนะนำและแนวทางเท่านั้น 1. หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน 2. คำร้องขอวีซ่า OF – 156 ซึ่งกรอกอย่างสมบูรณ์เป็นภาษาอังกฤษ สามารถขอรับเอกสารดังกล่าวบริเวณด้านหน้าหรือท่านสามารถ ข้อมูลการขอวีซ่าล่าสุด (7 มีนาคม 2552)  ชมทาง อินเตอร์เน็ทได้ที่   http://thailand.us-visaservices.com/Forms/default.aspx 3. ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม ตัวจริงทั้ง 2 ส่วน จากที่ทำการไปรษณีย์ ( ท่านสามารถชำระค่าธรรมเนียม ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยกเว้นไปรษณีย์สาขาย่อย) อัตราค่าธรรมเนียม 100 เหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่าค่าเงินบาทไทยในปัจจุบัน แต่ไม่สามารถเรียกคืนเงินได้กรณี ไม่ได้รับอนุมัติวีซ่า 4. รูปสี ขนาด 1-1/2 X 1-1/2 นิ้ว หรือ 4 ซ.ม. X 4 ซ.ม. ( พื้นสีอ่อน และ ไม่รับรูปถ่ายด่วนหรือโพราลอยด์ ) 5. หลักฐานถิ่นที่อยู่ของท่านภายนอกสหรัฐ : การยื่นขอวีซ่าประเภทธุรกิจ/ท่องเที่ยว หมายถึงผู้ยื่นคำร้องกำลังขอ วีซ่าเข้า สหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว ก่อนที่ทางเราจะออก วีซ่าเข้าเมืองชั่วคราว ผู้ยื่นขอวีซ่าต้องแสดงให้เป็นที่พอใจ ต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่าท่านไม่มี ความ ประสงค์ที่จะเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯ เป็นการถาวร ผู้ยื่นคำร้องจะทำได้ โดยการแสดงหลักฐานความผูกพัน ทางครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคมอื่นๆ ที่มีอยู่ภายนอกประเทศสหรัฐฯ ญาติพี่น้อง นายจ้าง หรือ เพื่อนไม่สามารถ "รับประกันการเดินทางกลับ ของ ผู้ยื่นขอ วีซ่า แทนการยื่นหลักฐานดังกล่าวได้" ทางเจ้าหน้าที่กงสุล ต้องพิจารณาจากสถานการณ์ ของบุคคลผู้ยื่นขอวีซ่า ว่า ผู้นั้น มีคุณสมบัติ จะได้รับวีซ่าด้วยตนเองหรือไม่ โดยไม่คำนึงว่า ผู้ใดออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ข้อสำคัญคือเจ้าหน้าที่กงสุลพิจารณา การออกวีซ่าบนพื้นฐาน ของพระราชบัญญัติ การตรวจคนเข้าเมือง และสัญชาติสหรัฐฯ กฎหมายฉบับนี้ระบุว่า "เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใด ยื่นคำร้องขอวีซ่า......ภาระการพิสูจน์จะตกอยู่กับกับบุคคลผู้นั้น ในการที่จะแสดงว่า ตนมีคุณสมบัติ" กฎหมายเข้าเมืองของสหรัฐฯ กำหนด ให้เจ้าหน้าที่กงสุล ปฏิเสธคำร้อง ของผู้ยี่นขอวีซ่า หากบุคคลดังกล่าวไม่สามารถแสดงหลักฐาน ที่เชื่อได้ว่า มิได้มีความประสงค์ต่อ การเป็นบุคคลเข้าเมืองถาวร เนื่องจากสภาพแวดล้อมแห่งครอบครัว สังคม และอาชีพ ของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป ทางเราจึงไม่สามารถระบุได้ว่า เอกสารใดที่ท่าน ยื่นแล้ว สามารถรับประกันได้ว่า ท่านจะได้รับวีซ่า อย่างไรก็ตามหลักฐานต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่กงสุล จะขอดูอยู่เสมอๆ หลักฐานการทำงาน: ผู้ขอวีซ่าอาจยื่นจดหมายจากนายจ้าง ระบุถึง (1) วันที่เริ่มทำงาน (2) เงินเดือน และ/หรือเงินค่าตอบแทน อื่นๆ (3) ตำแหน่งงานชั่วคราวหรือถาวร และ (4) ระยะเวลา ที่ท่านได้รับอนุญาตให้ลางานได้ กรณีข้าราชการ และลูกจ้างของรัฐบาลไทย ควรมีใบอนุมัติการลาหยุดงานมาแสดง ผู้ขอวีซ่าที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ควรแสดงหลักฐานพิสูจน์ การเป็นเจ้าของกิจการของตน ผู้ที่จะ เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อทำธุรกิจ เช่น ฝึกงาน หรือ เข้าร่วมประชุม ควรมีจดหมายจากบริษัทต่างประเทศที่ท่านกำลังจะไปติดต่อมาแสดง ด้วย ในรายที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ควรแสดงหลักฐานการศึกษาจากสถานศึกษาของท่าน สำหรับผู้เยาว์จะต้องแสดงหลักฐานทาง เศรษฐกิจของบิดา-มารดา หลักทรัพย์: ผู้ยื่นคำร้อง ควรยื่นแสดงเอกสารทางการเงิน เพื่อพิสูจน์ว่าตน มีฐานะทางการเงินเพียงพอ ที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง หลักฐานดังกล่าว อาจเป็น สมุดบัญชีเงินจากประจำ บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์และ /หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ท่านควรยื่นแสดงเอกสารต้นฉบับเท่านั้น ทางสถานทูตจะไม่เก็บสำเนาเอกสาร หลักฐานอื่นๆ: ท่านสามารถใช้ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ภาพถ่ายพิธีสมรส และสูติบัตร เพื่อยืนยันความผูกพันทางครอบครัว หากท่านมีอาชีพ เป็นนายแพทย์ ทนายความ วิศวกร หรือสมาชิกสมาคมวิชาชีพอื่นใด ท่านควรนำใบอนุญาต การประกอบอาชีพนั้นๆ มาแสดง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการยื่นคำร้องขอวีซ่า   เวลาทำการของสถานฑูต เข้าเว็บไซต์ของสถานทูตภาษาไทยคลิ๊กที่นี่ (7March2009)   07.00 น. – 09.00 น. จันทร์ – ศุกร์ เปิดรับคำร้องสำหรับเข้าเมืองชั่วคราว   14.00 น. – 15.30 น. จันทร์ – ศุกร์ รับหนังสือเดินทางที่ผ่านการอนุมัติ(โดยทั่วไปจะเป็นวันถัดจากวันยื่นคำร้อง ) หมายเหตุ : การยื่นวีซ่า ท่านสามารถมอบหมายให้พนักงานส่งเอกสาร พนักงานขับรถ เพื่อน ญาติ หรือบุคคลอื่น ทำการยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแทนท่าน และสมาชิกในครอบครัวของท่านได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 02-205 - 4055 http://www.vacationzone.co.th  
คู่มือคนไทยในการเดินทางไปต่างประเทศ
1.  ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ควรศึกษาเกี่ยวกับประเทศนั้นให้รอบคอบว่าประเทศที่จะเดินทางไปนั้น มีกฎหมายห้ามการนำสิ่งของใดเข้าประเทศ ในบางประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย การนำอาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดร้ายแรงเข้าประเทศจะมีโทษถึงประหารชีวิต โดยติดต่อขอทราบรายละเอียดจากสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศที่จะเดินทางไป 2.  ไม่ควรรับฝากสิ่งของจากผู้อื่น      เว้นแต่จะได้ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยตนเองแล้วว่าสิ่งของนั้นไม่เป็นของที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธ หรือสารต้องห้าม เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่ปลายทางตรวจพบจะยากในการแก้ข้อหา 3.  ควรจำหรือพกพา หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของสถานทูต และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศไว้ตลอดเวลาเพื่อใช้ติดต่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน 4.  หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญมาก      เก็บหนังสือเดินทางไว้กับตัว และควรถ่ายสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด อย่ามอบให้ใคร เก็บไว้นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองที่มีสิทธิขอดูและตรวจสอบ และในกรณีที่หนังสือเดินทางหายให้แจ้งความต่อตำรวจท้องถิ่น และนำใบแจ้งความมาติต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตและสถานกงสุลไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อขอออกเอกสารการเดินทางแทน กรณีเช่นนี้หากมีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงก็จะช่วยให้ออกเอกสารเดินทางได้เร็วขึ้น 5.  ควรหมั่นตรวจสอบอายุวีซ่า      เพราะหากวีซ่าขาดอายุ ท่านอาจถูกปรับ จำคุก และ/หรือส่งตัวกลับประเทศไทยได้ 6.  กรณีประสบเหตุร้ายในต่างประเทศ      เช่น ประสบอุบัติเหตุ ถูกล่อลวงไปค้าประเวณี ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยมิชอบ ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากสถานทูต สถานกงสุลไทยทุกแห่ง แม้ว่าท่านอาจไม่มีหนังสือเดินทางหรือวีซ่าขาดอายุ หรือเป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก็ตาม 7.  ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน      ควรแจ้งชื่อ ที่อยู่ ให้สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยประจำประเทศที่ไปอยู่ทราบ รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกครั้ง เพื่อทางสถานทูต สถานกงสุลไทย สามารถติดต่อท่านได้ในยามฉุกเฉินและจัดทำทะเบียนคนไทยเพื่อให้การช่วยเหลือในกรณีมีเหตุจำเป็น รวมทั้งแจ้งญาติ บุคคลในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทให้ทราบไว้ด้วย   การดำเนินงานการกงสุล ด้านการคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ      การให้ความคุ้มครอง และดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ มีขอบข่ายงานที่กว้างขวางเป็นงานด้านการคุ้มครอง ส่งเสริม และดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ (Consular Services) ตามพันธกิจของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเน้นงานการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก การส่งเสริมสิทธิและผลประโยชน์ของคนไทยและแรงงานไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ  ชิณวัตร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 ในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ข้อ 13 (4) ว่าการส่งเสริมรักษาและคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งของภาคเอกชนไทย แรงงานไทย และคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายต่างประเทศหลักอย่างหนึ่งของรัฐบาล ภารกิจในการให้ความคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ      ปัจจุบันมีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เมื่อคนไทยประสบปัญหาหรือ มีเรื่องเดือดร้อนในต่างประเทศถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือดูแล โดยมีกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในประเทศไทย และมีสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ทั่วโลก เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินการในต่างประเทศ  ภารกิจในการให้ความคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศประกอบด้วย งานคุ้มครองและดูแลคนไทยที่ตกทุกข์ทั่วไป งานแรงงาน งานประมง งานต่อต้านการค้ามนุษย์  งานดูแลนักเรียน และข้าราชการลาศึกษาต่อในต่างประเทศ งานเตรียมการอพยพ งานประชาสัมพันธ์และงบประมาณ และงานบริหารทั่วไป กระบวนการคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ โดยทั่วไป มีดังนี้  1.  งานส่งตัวคนไทยตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ เดินทางกลับประเทศไทย  2.  งานติดตามหาญาติในต่างประเทศ  3.  งานตรวจสอบสถานภาพความเป็นอยู่ในต่างประเทศ  4.  งานจัดการศพ/ ออกมรณบัตรกรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ  5.  งานส่งศพ/ อัฐิกลับประเทศไทย  6.  งานติดตามเงินทดแทนการเสียชีวิตในต่างประเทศ  7.  งานติดตามเงินอันพึงได้ในต่างประเทศ  8.  งานติดตามทรัพย์สินส่วนตัวในต่างประเทศ  9.  งานตรวจสอบสถานภาพนายจ้างกรณีแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 10.  งานตรวจสอบสถานภาพองค์กรด้านการศึกษาในต่างประเทศ และงานดูแลนักเรียนทุนรัฐบาลไทย และข้าราชการลาศึกษาต่อในต่างประเทศ 11. งานติดตาม/ รับคืนเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ 12. งานออกหนังสือ No Objection Certificate เพื่อขอตรวจลงตราเข้าปากีสถาน  ให้กับนักเรียนไทย 13. งานรับฝากจดหมาย สิ่งของ จากญาติส่งให้คนไทยที่ต้องโทษอาญาและถูกคุมขัง  ในต่างประเทศ 14. งานส่งเวชภัณฑ์ อาหาร ของใช้จำเป็นแก่คนไทยที่ถูกคุมขังในต่างประเทศ 15. งานดูแลคนไทยที่ถูกดำเนินคดีในต่างประเทศ 16. งานช่วยเหลือคนไทยผู้ประสบภัยธรรมชาติหรือภัยจากการเกิดวิกฤติการณ์  ในต่างประเทศ 17. งานช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีญาติพี่น้องในต่างประเทศ http://www.tour-international.com
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปเมืองนอก
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปเมืองนอก           เงิน เตรียมเงินติดตัวเท่าที่จำเป็น สำหรับเงินที่จะนำไปจ่ายค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายอื่น ให้ถือเป็น ดราฟต์ ไปหรือรูปแบบอื่น (ให้เจ้าหน้าที่แบงก์แนะนำ) สหรัฐอเมริกา            การโอนเงินจากเมืองไทย ที่นิยมใช้คือ           1. โอนโดยตรงมาเข้าแบงก์ที่สหรัฐอเมริกา เสียค่าใช้จ่าย ประมาณ $15-25 ต่อครั้ง           2. กด ATM ถอนเงินจากเมืองไทย สำหรับ บัตรที่มีตรา Cirrus, Premiur,Visa, Mastercard, ... โดยกดได้ตามตู้ที่มีสัญลักษณ์ดังกล่าว กดหนึ่งครั้งเสีย 100 บาท กดได้ครั้งละ $600-$1500ขึ้นอยู่กับตู้ ATM (Citybank จะกดได้มากที่สุดต่อครั้ง)บางธนาคารก็จะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกด้วย ครั้งละประมาณ $3-5/ครั้ง            คอมพิวเตอร์ ในสหรัฐ ราคาคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกกว่าเมืองไทย (ที่สเปคเท่ากัน) โดยมีราคาตั้งแต่ $700-$3000 ถ้ามาหาซื้อ แต่ขณะเดียวกันถ้าซื้อจากเมืองไทยมาจะสะดวกและสามารถใช้ได้ทันที เมื่อมาถึง            เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟจะแตกต่างกัน โดยไฟในสหรัฐใช้ไฟ 110 โวลต์ จำเป็นต้องใช้หม้อแปลงไฟ ของบางอย่างถ้าไม่จำเป็นสามารถมาหาซื้อใหม่ได้ง่าย            หัวปลั๊ก ของในสหรัฐเป็นแบบหัวแบนสองข้าง ซึ่งไม่เหมือนกับเมืองไทย ถ้านำอุปกรณ์จากเมืองไทยมา จำเป็นต้องมีหัวเสียบต่ออีกทีหนึ่ง            เสื้อผ้า เตรียมเสื้อเหมาะกับภูมิอากาศ และนอกจากนี้เสื้อผ้าในอเมริกาสำหรับเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีเสื้อสวยๆตามแฟชันเท่าไร เตรียมมาไว้ก็จะดี            ของใช้ส่วนตัว รวมถึงยา ควรมีคำอธิบายจากแพทย์ด้วย            หม้อหุงข้าว เปลืองเนื้อที่ อาจจะไม่ต้องเตรียม เพราะ วอลมาร์ต (Walmart) หรือร้านอื่นๆ มีขาย            ของแห้ง ที่เมกาส่วนมากจะมีขายตามร้านขายของ แต่ราคาจะแพงกว่าตั้งแต่ 2-5 เท่า            ผักสด ผลไม้สด และเนื้อหมู เป็นของห้ามนำเข้าในสหรัฐ            หาความรู้อื่นๆเพื่อใช้เป็นแนวทางหางานนอกเวลาเรียน ได้ฝึกงาน ฝึกภาษา และแบ่งเบาภาระทางบ้าน ได้ความรู้จากอาชีพที่เป็นที่ต้องการและน่ายกย่อง เช่น เข้าอบรมหลักสูตรการชงกาแฟเพื่อเป็น Barista ที่ http://www.pnfcoffee.com/ เป็นต้น เนื่องจากที่นี่มีใบประกาศให้ด้วยเมื่ออบรมจบหลักสูตร            สุดท้ายรักเมืองไทยให้มากๆๆ กอดคนที่คุณรักหรือรักคุณก่อนเดินทาง ขอขอบคุณข้อมูลจาก  
หนังสือเดินทาง Passport
บุคคลบรรลุนิติภาวะ - เอกสารประกอบการทำหนังสือเดินทางธรรมดาของบุคคลบรรลุนิติภาวะ - ค่าธรรมเนียม ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี - ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี - เอกสารประกอบการทำหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี - ค่าธรรมเนียม ผู้เยาว์อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ - ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ - เอกสารประกอบการทำหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ - ค่าธรรมเนียม ข้อควรปฏิบัติในวันมายื่นคำร้อง               โปรดนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแสดงให้ครบถ้วน โดยเฉพาะการยื่นคำร้องกรณีผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี และ ผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ หากเอกสารที่นำมาแสดงไม่ครบถ้วน ท่านจะต้องนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงเพิ่มเติมในวันรับเล่ม ซึ่งจะทำให้การรับเล่มล่าช้า เนื่องจากต้องใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลเอกสารที่นำมาแสดงเพิ่มเติมลงในระบบให้ครบถ้วน ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือเดินทางใหม่      1. รับบัตรคิว      2. ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนที่มีเลข 13 หลัก(หากไม่มีเลข 13 หลัก ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านมาแสดง) พร้อมเอกสารหลักฐานอื่น ๆที่จำเป็น อาทิ หากเปลี่ยนชื่อสกุล ต้องมีหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ทะเบียนสมรส ฯลฯ มาแสดง เพื่อตรวจสอบข้อมูล          - ข้อมูลชีวภาพ (วัดส่วนสูง เก็บลายพิมพ์นิ้วมือนิ้วชี้ซ้ายและนิ้วชี้ขวาด้วยเครื่องสแกนเนอร์ และถ่ายรูปใบหน้า )          - แจ้งความประสงค์หากต้องการขอรับเล่มทางไปรษณีย์      3. ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท (และค่าส่งไปรษณีย์ 35 บาทหากประสงค์ให้จัดส่งทางไปรษณีย์) รับใบเสร็จรับเงิน และรับใบนัดรับเล่ม                ท่านจะได้รับหนังสือเดินทาง ดังนี้ หากยื่นที่กรมการกงสุล ผู้ร้องสามารถรับหนังสือเดินทางได้ 2 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ หากยื่นที่สำนักงานสาขาในกรุงเทพฯ (ปิ่นเกล้าและบางนา) ผู้ร้องจะได้รับเล่มภายใน 2 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ กรณียื่นคำร้องที่สำนักงานสาขาในต่างจังหวัดและขอให้จัดส่งทางไปรษณีย์ผู้ร้อง (ในเขตเมือง) จะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 5 วันทำการ โดยที่กระทรวงฯ ได้ติดตั้งเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จำลองเพื่อผู้ร้องสามารถทดสอบการผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานโดยอัตโนมัติไว้ 1 เครื่อง ที่กรมการกงสุล ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มารับเล่มด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางมีความคุ้นเคยกับการใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ในกรณีจำเป็น สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทนหรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS) บุคคลบรรลุนิติภาวะ   เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของบุคคลบรรลุนิติภาวะ - บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรข้าราชการ หรือ บัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับจริง (ในกรณีที่เป็นบัตรข้าราชการให้นำสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย) - หากมีรายการแก้ไขชื่อสกุล หรือวันเดือนปีเกิด ฯลฯ ซึ่งไม่ตรงกับบัตรประชาชนให้นำหลักฐานการแก้ไขที่เกี่ยวข้องมาแสดงด้วย ค่าธรรมเนียม - การทำหนังสือเดินทางใหม่เสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี        ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องนำสูติบัตรฉบับจริง หากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนาถูกต้องจาก อำเภอ/เขตมาแสดงพร้อมผู้มีอำนาจปกครอง หากผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถมาดำเนินการได้ สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทนได้โดยต้องมีหนังสือมอบอำนาจและหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศพร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาและ/หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริงมาแสดง ทั้งนี้หนังสือมอบอำนาจและหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี - สูติบัตรฉบับจริง หากเป็นสำเนาสูติบัตรต้องได้รับการรับรองจากอำเภอ/เขต - บิดาและมารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองนำบัตรประชาชนฉบับจริงมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรที่ใช้แทนได้ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ของบิดา มารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริง หากชื่อนามสกุลบิดา มารดาในสูติบัตรไม่ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชน ให้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ หรือ นามสกุลที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย ในกรณีที่มารดาหย่า และจดทะเบียนสมรสใหม่ และใช้นามสกุลใหม่ตามสามีให้นำหลักฐานการหย่าและการสมรสที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย - หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศและบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดามารดาที่ไม่มา ในกรณีที่บิดา/มารดาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถมาแสดงตัวได้ **หนังสือยินยอมของบิดา/มารดา ต้องผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต (ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องมีบิดาหรือมารดา คนใดคนหนึ่งมาแสดงตัวให้ความยินยอม) - เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรอง บุตรหรือรับบุตรบุญธรรม บันทึกการหย่า ซึ่งมีข้อความระบุให้บุตรอยู่ในความดูแลของบิดา หรือมารดา เป็นต้น - กรณีบิดา มารดาผู้เยาว์เสียชีวิต / บิดาหรือมารดาผู้เยาว์เป็นชาวต่างชาติมิได้จดทะเบียนสมรสและ ไม่สามารถตามหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาให้ความยินยอมได้ /บิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสแต่บุตรอยู่ในความดูแลของบิดาฝ่ายเดียวมาตลอด และไม่สามารถตามหามารดาได้ ให้นำคำสั่งศาลซึ่งระบุชื่อผู้มีอำนาจปกครอง พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจปกครองมาแสดง                     ค่าธรรมเนียม                     - การทำหนังสือเดินทางใหม่เสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท                     - ผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์                     - ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ผู้เยาว์อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์      ผู้เยาว์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ที่ทำบัตรประชาชนแล้วสามารถติดต่อขอทำ หนังสือเดินทางด้วยตนเอง โดยมีหนังสือยินยอมของบิดาและมารดา หรือ ผู้มีอำนาจปกครองที่ยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขตมาแสดงประกอบการยื่นคำร้อง หากไม่มีหนังสือยินยอม บิดาและมารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์ต้องมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในวันที่ยื่นคำร้อง (หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาไม่ได้ ให้มาลงนามในวันรับเล่ม) หรือ มีหนังสือยินยอม จากฝ่ายที่มาไม่ได้มาแสดง เอกสารที่นำมายื่นขอหนังสือเดินทางต้องเป็นต้นฉบับหากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองสำเนาถูกต้อง จากหน่วยงานที่ออกเอกสารดังกล่าวเท่านั้น เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์                      - บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวง มหาดไทย                     - หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง                     - เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรองบุตรหรือรับบุตรบุญธรรมใบ                        สำคัญการสมรส ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ทะเบียนบ้าน คำสั่งศาลกรณีระบุผู้มีอำนาจปกครองแทนบิดามารดา เป็นต้น ค่าธรรมเนียม - การทำหนังสือเดินทางเสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท ความหมายของผู้มีอำนาจปกครอง            กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรสบิดาและมารดาต้องมาลงนาม(ต่อหน้าเจ้าหน้าที่)ในคำร้องขอหนังสือเดินทางทั้งสองฝ่ายหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้องให้มาลงนามในวันรับเล่มได้ หรือทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านอำเภอ/เขต พร้อมบัตรประชาชนที่มีอายุใช้งานบิดา มารดาตัวจริง - กรณีที่ผู้มีอำนาจปกครองอยู่ในต่างประเทศ ให้ทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนักอยู่ หากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้ปกครองไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองและประสงค์จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ ต้องผ่านการรับรองจาก สอท./สกญ. (สถานทูต/สถานกงสุล) กรณีบิดามารดาหย่าตามกฎหมาย ให้ผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์ตามที่ระบุในบันทึกการหย่าเป็นผู้ลงนามพร้อมแสดงทะเบียนหย่า และบันทึกการหย่า - ผู้เยาว์ที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส มารดาสามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดยให้ทำ บันทึกคำให้การจากอำเภอ/เขตยืนยันว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสพร้อมแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนที่มีอายุใช้งานเป็น “นางสาว” ต่อเจ้าหน้าที่รับคำร้อง - มารดาผู้เยาว์ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ใช้คำนำหน้า “นาง” สามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดย นำหนังสือรับรองการอุปการะบุตรแต่เพียงผู้เดียวจากอำเภอ/เขต มาแสดง - ผู้เยาว์เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มารดาต้องมาลงนามให้ความยินยอม บิดา ไม่สามารถลงนามยินยอมให้ผู้เยาว์เพียงฝ่ายเดียวได้ เว้นแต่ว่ามีคำสั่งศาลมาแสดงว่าศาลให้บิดาเป็นผู้อุปการะผู้เยาว์แต่ผู้เดียว - บิดามารดาผู้ให้กำเนิดผู้เยาว์ที่ได้ยกผู้เยาว์ให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่นแล้ว ไม่สามารถลงนาม แทนบิดามารดาบุญธรรมได้ต้องให้บิดา มารดาบุญธรรมเป็นผู้ลงนาม - เอกสารที่นำมายื่นขอหนังสือเดินทางต้องเป็นต้นฉบับหากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนา ถูกต้องจากหน่วยงานที่ออกเอกสารดังกล่าวเท่านั้น ข้อควรปฏิบัติในวันมายื่นคำร้อง      กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรส บิดาและมารดาต้องมาลงนาม(ต่อหน้าเจ้าหน้าที่)ในคำร้องขอหนังสือเดินทางทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้อง ให้มาลงนามในวันรับเล่มได้ หรือทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านอำเภอ/เขต พร้อมบัตรประชาชนที่มีอายุใช้งานบิดา มารดาตัวจริง http://www.consular.go.th/
ทักษิณ เขียนจดหมาย เชื่อ รบ.จะไม่ออก กม.เพื่อใครเฉพาะ
นายนพดล ปัทมะ ทนายความประจำตระกูลชินวัตร ได้เผยแพร่ จดหมายซึ่งเป็นลายมือ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านเฟซบุ๊ค Noppadon-Pattama ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2554 โดยมีเนื้อหา ดังนี้ ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิไมเรตส์ 20 พฤศจิกายน 2554   พี่น้องไทยที่เคารพรัก เนื่องด้วยขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤตจากปัญหาน้ำท่วม  ผมเป็นห่วงและต้องการให้ประเทศและพี่น้องประชาชนผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว ซึ่งต้องการความสามัคคีปรองดองภายในชาติ จึงจะร่วมกันฟันฝ่าภัยธรรมชาติในครั้งนี้ได้ ผมขอสนับสนุนทุกมาตรการที่จะนำไปสู่ความปรองดองในชาติและไม่อยากเห็นความพยายามใดๆที่จะทำให้บรรยากาศนี้เสียหาย  และผมพร้อมที่จะเสียสละความสุขส่วนตัวทั้งๆที่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมมากว่า  5 ปีแล้ว เพื่อพี่น้องประชาชนผมจะอดทน จากการเสนอพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษประจำปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระเจริญพระชนมายุครบ 84 ปี จึงมีข่าวว่า อาจจะมีผมรวมอยู่ด้วย ผมมั่นใจในหลักการที่ว่ารัฐบาลจะไม่ทำการใดๆที่ให้ประโยชน์แก่ผมหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำใดๆในช่วงนี้ ต้องเป็นไปเพื่อนำประเทศสู่ความปรองดองและฝ่าฟันวิกฤตจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมใหญ่เท่านั้น อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระประชวรอยู่ เราต้องไม่ทำให้พระองค์ทรงหนักพระราชหฤทัยเป็นอันขาด กระผมก็มั่นใจว่า ท่านนายกฯของเรามีแนวคิดและความตั้งใจเช่นเดียวกันกับผม สำหรับพี่น้องที่สนับสนุนผม ห่วงใยผม ก็ขออย่าได้ผิดหวังเพราะเมื่อแสงแห่งธรรมปรากฎ ทุกอย่างจะจบเอง เพราะบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะขัดแย้ง อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ ท้ายนี้ผมขอเรียกร้องทุกฝ่ายที่รักชาติบ้านเมืองจริง ต้องรู้จักคำว่า “FORGIVE AND FORGET” คือรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ลืมเรื่องเก่าๆ เข้าสู่มิติใหม่ของวันพรุ่งนี้เพื่อบ้านเมืองและลูกหลานเราครับ ด้วยความเคารพรักและคิดถึง ทักษิณ ชินวัตร Mthai News  
<< 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 >>
รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา