หน้าแรก เกี่ยวกับเรา ข้อมูลประเทศที่น่ารู้ สถาบันเอเจนย์ ข่าวและกิจกรรม ทุนการศึกษา บความน่ารู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เว็บไซต์เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่างประเทศ
บทความการศึกษา
สนใจเรียน IELTS, TOEIC คลิ๊กเลย

 

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ TOEFL,IELTS,GMAT,GRE

IELTS คืออะไร
IELTS (International English Language Testing System) คือ การวัดระดับ ความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับผู้สนใจทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการไป ศึกษาต่อ หรือรับการฝึกอบรมใน ต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา และผู้ที่มีความประสงค์จะย้ายถิ่นฐาน ไปยังประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ 

IELTS ทดสอบอะไรบ้าง
IELTS เป็นการทดสอบการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ คือ การฟัง การพูด การอ่านและ การเขียน ผู้สอบจะได้รับใบรายงานผลการสอบโดยแยกเป็น แต่ละส่วนทั้ง 4 ทักษะ ลักษณะของคะแนนในการสอบจะถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ โดยเริ่มต้นที่ ตั้งแต่ระดับที่หนึ่งไปจนถึงระดับที่เก้า ซึ่งสามารถวัดระดับความรู้ความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สอบได้อย่างถูกต้อง เช่น ระดับที่ 1 ผู้เข้ารับการทดสอบที่ได้คะแนนในระดับนี้จะหมายถึงผู้ที่ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เลย  ระดับที่ 9 ผู้เข้ารับการทดสอบที่ได้คะแนนในระดับนี้จะหมายถึงผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ 

ในการสอบ IELTS ข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สำหรับผู้ที่ต้องการ จะสอบเพื่อนำผลไปสมัครเรียนต่อ และ สำหรับการฝึกอบรม ผู้เข้ารับการทดสอบ ทั้งสองแบบจะได้รับข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบการฟังและการพูดฉบับเดียวกัน ส่วนการ ทดสอบการเขียนและการอ่านจะใช้ข้อสอบคนละแบบ แยกตามวัตถุประสงค์ของผู้เข้า รับการทดสอบ รูปแบบของการทดสอบแยกตามวัตถุประสงค์ของผู้เข้ารับการทดสอบ
1. เพื่อการศึกษาต่อ (ACADEMIC modules) เพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมในการศึกษาต่อในต่างประเทศ ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งในระดับ ปริญญาตรี และปริญญาโท
2. เพื่อการฝึกอบรม (GENERAL TRAINING modules) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัดความพร้อมเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยม การฝึกอบรมหรือ ทำงานในต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ข้อสอบจะใช้วัดความรู้ภาษาอังกฤษ ในระดับพื้นฐาน และจะไม่ซับซ้อนเหมือนกับผู้ที่ต้องการวัดระดับความรู้เพื่อศึกษาต่อ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศนิวซีแลนด์ หรือ ออสเตรเลีย
iBT TOEFL คืออะไร
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2549 การสอบ TOEFL หรือ The Test of English as a Foreign Language ได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งรูปแบบการสอบ การคิดคะแนน และวิธีการสอบ   การสอบ TOEFL เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติที่ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เพื่อนำผลคะแนนไปยื่นกับสถาบันการศึกษาที่หมายตาเอาไว้   โดยใช้เป็นส่วนหนึ่งในคุณสมบัติที่ใช้สมัครเรียนระดับต่างๆ  ผลคะแนน TOEFL นั้น ไม่เฉพาะใช้สมัครเรียนในสถาบันการศึกษาที่เป็นระบบอเมริกันเท่านั้น ปัจจุบันประเทศต่างๆ กว่า 110 ประเทศ และสถาบันการศึกษากว่า 6,000 แห่งทั่วโลก ยอมรับผลคะแนน TOEFL   

การสอบ TOEFL ในอดีตประกอบด้วย 2 แบบ คือ สอบแบบที่ใช้กระดาษในการทำข้อสอบ (Paper-based Testing) และการสอบที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำข้อสอบ (Computer-based Testing) กระทั่งปี 2005 ได้เปลี่ยนแปลงการสอบให้สอบผ่านอินเตอร์เน็ต (iBT TOEFL: Internet Base Test) โดยเลิกใช้การสอบทั้ง 2 แบบ 

การสอบแบบ iBT TOEFL  เป็นการสอบทักษะภาษาอังกฤษแบบบูรณาการ เป็นการสอบที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งการพูด ฟัง อ่าน และเขียนในการสอบ โดยการสอบแต่ละส่วนจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด ผู้สอบต้องตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด เพราะหมายความว่าเราจะตอบ พูด หรือเขียนไม่ได้เลย ถ้าไม่ตั้งใจฟังตั้งแต่แรก 
สำหรับการสอบ TOEFL iBT จะใช้เวลาสอบประมาณ 4 ชั่วโมง โดยเน้นการวัดความรู้ทางภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการ เพื่อใช้ความรู้ทางภาษาไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับสูง โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 4 ทักษะ ดังนี้
1. Reading เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจของการอ่านในเชิงวิชาการของผู้สอบ โดยผู้สอบต้องตอบคำถามจากบทความ 3 บทความ ในแต่ละบทจะต้องตอบคำถาม 12-15 ข้อ ส่วนนี้ต้องทำข้อสอบรวมประมาณ 39-40 ข้อ
2. Listening เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการฟังภาษาอังกฤษ ผู้สอบต้องฟังบทสนทนาในประเด็นทั่วไป 2 เรื่อง และการบรรยายในห้องเรียน 4 เรื่อง ต้องตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยินแต่ละบทบรรยายและเรื่องที่ได้ฟัง โดยส่วนนี้ต้องทำข้อสอบ 34-35 ข้อ
3. Speaking เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการพูดภาษาอังกฤษเนื้อหาเชิงวิชาการ ผู้สอบต้องตอบคำถามด้วยการพูด รวม 6 ข้อ หลังจากอ่านบทความ และการฟังบรรยายในแต่ละประเด็น โดยแบ่งประเภทของคำถาม ดังนี้

คำถามที่ 1 และ 2 เป็นเรื่องราวที่ผู้สอบคุ้นเคย อาจเป็นประสบการณ์ หรือทัศนะส่วนตัว มีเวลาในการ เตรียมตอบคำถาม 15 วินาที และมีเวลาตอบคำถาม 45 วินาทีตในแต่ละข้อ
- คำถามที่ 3 และ 4 ผู้สอบจะได้อ่านข้อความสั้นๆ ในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง จากนั้นจะได้ฟังบทสนทนา หรือการบรรยายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบทความนั้นนั้น ผู้สอบต้องตอบคำถามจากสิ่งที่ได้อ่าน และฟัง โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา และตอบคำถามที่เหมาะสม มีเวลาเตรียมตอบคำถาม 30 วินาที และตอบคำถาม 60 วินาทีในแต่ละข้อ
- คำถามที่ 5 และ 6 ผู้สอบจะได้ฟังบทสนทนาเพื่อการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการ หรือฟังบรรยายทางวิชาการ ผู้สอบต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน และฟัง โดยการวิเคราะห์ สรุปข้อมูลที่ได้มา และตอบคำถามที่เหมาะสม มีเวลาเตรียมตัวตอบคำถาม 20 วินาที และมีเวลาตอบคำถาม 60 วินาทีในแต่ละข้อ
4.Writing เป็นทักษะที่ใช้วัดความเข้าใจในการเขียนในเชิงวิชาการ โดยผู้สอบต้องแสดงความสามารถในการใช้ภาษา และการคิดวิเคราะห์ การพัฒนาความคิดในประเด็นที่ได้อ่านจากข้อสอบ 2 ข้อ
- คำถามที่ 1 ผู้สอบจะได้อ่านบทความทางวิชาการในเวลาประมาณ 3 นาที และฟังการบรรยายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ได้อ่าน จากนั้นผู้สอบต้องสรุปบรรยาย หรือแสดงทรรศนะจากสิ่งที่ได้อ่าน และฟัง โดยต้องเขียน 150-220 คำ ในเวลา 20 นาที
- คำถามที่ 2 ผู้สอบจะได้อ่านประโยคสั้นๆ และตอบคำถามโดยการบรรยาย หรือแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลจากสิ่งที่ได้อ่าน โดยต้องเขียนอย่างน้อย 300 คำ ในเวลา 30 นาที
สำหรับการสมัคร TOEFL iBT แบบออนไลน์ เป็นการสมัครสอบที่รวดเร็ว และประหยัดที่สุด ค่าสอบ TOEFL ประมาณ140 เหรียญ หรือ ห้าพันกว่าบาท  สมัครสอบได้ที่ www.est.org/toefl
 ตารางเทียบผล TOEFL และ IELTS
 
IBT TOEFL
CBT TOEFL
TOEFL 
Paper based
IELTS 
0 - 8
0 - 30
0 - 310
0 - 1
9 - 18
33 - 60
310 - 343
1 - 1.5
19 - 29
63 - 90
347 - 393
2 - 2.5
30 - 40
93 - 120
397 - 433
3 - 3.5
41 - 52
123 - 150
437 - 473
4
53 - 64
153 - 180
477 - 510
4.5 - 5
65 - 78
183 - 210
513 - 547
5.5 - 6
79 - 95
213 - 240
550 - 587
6.5 - 7
96 - 110
243 - 270
590 - 637
7.5 - 8
111 - 120
273 - 300
640 - 677
8.5 - 9
คะแนนเต็ม
คะแนนเต็ม
คะแนนเต็ม
คะแนนเต็ม
120
300
677
9
 
GMAT คืออะไร
The Graduate Management Admission Test หรือ GMAT คือ การประเมินผลทางด้านภาษาอังกฤษที่ช่วยให้ทางสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวเนื่องกับทางด้านธุรกิจ ในการประเมินคุณสมบัติของผู้สมัครเรียนในสาขาธุรกิจและการจัดการ (Business & Management) สถาบันการศึกษาใช้ผลสอบนี้เป็นเกณฑ์วัดเพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรทางด้าน MBA หรือในหลักสูตรระดับสูงกว่าปริญญาตรี ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการ (Management)
เกณฑ์การวัดผลสอบ GMAT
เกณฑ์การสอบ GMAT จะเน้นความรู้พื้นฐานทางด้านภาษา (Basic Verbal), คณิตศาสตร์ (Mathematical) และทักษะด้านการเขียนวิเคราะห์ (Analytical Writing)
โครงสร้างและระยะเวลา
การสอบ GMAT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ
- Analytical Writing Assessment หรือ ทักษะการเขียนวิเคราะห์ข้อสอบ GMAT จะเริ่มจาก Analytical Writing Assessment (AWA) แบ่งออกป็น 2 หัวข้อคือ Analysis of Issue (การเขียนวิเคราะห์ประเด็น) และ Analysis of Argument (การเขียนวิเคราะห์การตอบโต้) เวลาสอบ 30 นาทีต่อ 1 หัวข้อ
- Quantitative Section หรือ การทดสอบทักษะในการวิเคราะห์เชิงเหตุผล ในส่วนนี้ประกอบด้วย ข้อสอบปรนัย (multiple-choices) จำนวน 37 ข้อ ซึ่งแบ่งออกเป็นคำถาม 2 แบบคือ Data Sufficiency (การวิเคราะห์ความเพียงพอของข้อมูล) และ Problem Solving (การแก้ไขปัญหาโจทย์) ใช้เวลาสอบ 75 นาที ในส่วนนี้
- Verbal Section หรือ การทดสอบความสามารถทางภาษา ส่วนนี้ประกอบด้วย ข้อสอบปรนัย จำนวน 41 ข้อ แบ่งออกเป็นคำถาม 3 แบบคือ Reading Comprehension (การอ่านสรุปใจความ), Critical Reasoning (การวิเคราะห์เหตุผล), Sentence Correction (การแก้ไขประโยค) ใช้เวลาสอบ 75 นาที
(แปลและอ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.gmat.org )
GRE คืออะไร
Graduate Record Examination หรือ GRE แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ GRE General Test และ GRE Subject Test
GRE General Test เป็นการสอบ เพื่อวัดทักษะของผู้สอบที่มีอยู่ โดยวัดออกมา ในรูปของคะแนนของความสามารถทางภาษา (Verbal Reasoning) การคำนวณ (Quantitative Reasoning), ความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ (Critical Thinking) และการเขียนในเชิงวิเคราะห์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สาขาวิชาใดๆเป็นพิเศษ
เนื้อหาการสอบประกอบด้วย 
Verbal Reasoning – ทดสอบทักษะและความสามารถผู้สอบในด้าน
- วิเคราะห์และประเมินบทความ ความสามารถในการหาข้อสรุป
- วิเคราะห์ความสัมพันธ์ส่วนต่างๆของประโยค
- เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำและความคิด
Quantitative Reasoning – ทดสอบทักษะและความสามารถผู้สอบในด้าน
- เข้าใจแนวคิดพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ พีชคณิต เรขาคณิต และการวิเคราะห์ข้อมูล
- การวิเคราะห์เหตุผล
- การแก้ปัญหาเชิงวิเคราะห์
Analytical Writing – ทดสอบทักษะและความสามารถผู้สอบในด้าน
- แสดงความคิดได้ชัดเจนและมีประสิทธิผล
- พินิจพิจารณาข้ออ้างและหลักฐานประกอบ
- การสนับสนุนความคิดโดยการใช้เหุตผลและตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง
- โต้ตอบโดยการเหตุผลอย่างสอดคล้อง
- สามารถใช้องค์ประกอบต่างๆของภาษาอย่างถูกต้อง
สำหรับผู้ต้องการเรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรี ต้องสอบ General Test คะแนนจะใช้ในการพิจารณาการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยพร้อมกับผลการศึกษาในระดับปริญญาตรีและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คะแนนจะเป็นถูกใช้เป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัครและช่วยในการประเมินผลการศึกษาและหนังสือรับรอง
GRE Subject Test เป็นการวัดผลความรู้ระดับปริญญาตรีใน วิชาเฉพาะด้านจำนวน 8 สาขาวิชา และสามารถช่วยประเมินความสามารถของผู้สมัครว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการเรียนระดับปริญญาโท และปริญญาเอก (Graduate School) ในส่วนของข้อสอบ GRE Subject Test เหมาะสำหรับนักเรียนที่จบหรือมีพื้นฐานความรู้เฉพาะด้านได้แก่
Biochemistry, Cell Molecular Biology
Biology
Chemistry
Computer Science
Literature in English
Mathematics
Physics
Psychology
การสอบเฉพาะวิชาสาขา (Subject Test) เป็นการสอบ เพื่อวัดความรู้ของผู้สอบที่มีอยู่ในวิชาต่างๆ 8 สาขา และสามารถการคาดการณ์ความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาโทระดับระดับปริญญาเอก
สำหรับผู้ต้องการเรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรี ต้องสอบ Subject Test คะแนนจะใช้ในการพิจารณาการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยพร้อมกับผลการศึกษาในระดับปริญญาตรีและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คะแนนจะเป็นถูกใช้เป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัครและช่วยในการประเมินผลการศึกษาและหนังสือรับรอง และสามารถประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งของนักเรียนซึ่งอาจยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดหาที่เรียนในอนาคต
ข้อสอบ Subject Test จะมีศูนย์สอบ Paper-based test ทั่วโลก และเปิดสอบ 3 ครั้งต่อปี คือ พฤศจิกายน ธันวาคม และ พฤษภาคม 
(แปลอ้างอิงข้อมูลจาก http://www.gre.org )

 

รับข่าวสารและโปรโมชั่น
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
 


agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

agent ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อนอก ทุนการศึกษา

เอเจนท์ศึกษาต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ทุนการศึกษา